วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขอเชิญเข้าร่วมประชุมสมัชชา " นวัตกรรมใหม่ มุ่งสู่ขอนแก่น เมืองแห่งกิจกรรม ประชุม และสัมมนา " ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย !!!

 
                 ด้วยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี  และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยขอนแก่น  จัดการประชุมสมัชชา เรื่อง นวัตกรรมใหม่  มุ่งสู่ขอนแก่น  เมืองแห่งกิจกรรม  ประชุม  และสัมมนา ” ในวันอังคารที่ 2 กรกฎาคม  2556  เวลา 08.30 -12.00 น. ณ โรงแรมพลูแมน ขอนแก่น  ราชา  ออคิด  อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  โดยภายในงานพบกับการเสวนาจากวิทยาการชั้นนำและการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของภาคราชการ  ธุรกิจ  และประชาชน  ต่อการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อร่วมสร้าง ขอนแก่น MICE CITY เมืองแห่งกิจกรรม  ประชุม  และสัมมนา   

                สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่งได้ที่ ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน  คณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยขอนแก่น  โทร 043-202566   หรือ 083-3270101   ด่วน !  รับเพียง  150  ที่นั่งเท่านั้น ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย !  โปรดสำรองที่นั่งภายในวัน ศุกร์ ที่ 28 มิถุนายน 2556
 

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เดินเครื่องลดรายจ่ายครัวเรือน"ขอนแก่น"จับมือหน่วยงานสังกัดก.เกษตรฯนำร่อง 26 อำเภอ 1.5 พันครัว


   จังหวัดขอนแก่นผนึกหน่วยงานสังกัด กระทรวงเกษตรฯในพื้นที่ วางแผนพัฒนาจังหวัดแบบระยะเร่งด่วน ตามโครงการลดรายจ่ายครัวเรือนเกษตรกร เตรียมนำร่อง 26 อำเภอ ตั้งเป้าเกษตรกรจำนวนกว่า 1.5 พันครัวเรือน ให้สามารถลดรายจ่ายได้ ร้อยละ 10 พร้อมเปิดตัวโครงการแน่นอน ต้นกรกฎาคมนี้

          นายบัณฑิต มงคลวีราพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 4 ขอนแก่น (สศข.4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานของ สศข.4 ซึ่งได้ร่วมบูรณาการวางแผนแนวทางการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นระยะเร่งด่วน (ปี 2556-2558) กับหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดขอนแก่น ในโครงการลดรายจ่ายครัวเรือนเกษตรกรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเน้นการพัฒนาในระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านนอกเขตเมือง เนื่องจากประชากรของจังหวัดขอนแก่นระมาณร้อยละ 80 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จึงมีความจำเป็นต้องมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านการเกษตร โดยเฉพาะการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาอาชีพการเกษตร ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง การลดรายจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นให้ครัวเรือนเกษตรกรที่ยากจน ตลอดจนให้ครัวเรือนเกษตรกรมีอาหารปลอดภัยไว้บริโภคอย่างพอเพียง
          สำหรับพื้นที่ที่จะดำเนินการทั้งหมด 26 อำเภอในจังหวัดขอนแก่น (อำเภอละ 2 หมู่บ้าน หมู่บ้าน ละ 30 ครัวเรือน) รวมมีเป้าหมายเกษตรกรจำนวน 1,560 ครัวเรือน ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง (หมู่บ้านขนาดเล็ก) และเป็นเกษตรกรที่ยากจน โดยเกษตรกรที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ต้องมีการทำบันทึกข้อตกลงกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ส่วนกิจกรรมที่จะดำเนินการนั้น หน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะร่วมกันการถ่ายทอดความรู้และฝึกอบรมทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ เคหะกิจ การทำบัญชีครัวเรือน การทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ และการสนับสนุนปัจจัยการผลิต
          ในการนี้ สศข.4 จะร่วมติดตามและประเมินผลโครงการครั้งนี้ด้วย และ คาดว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยให้เกษตรกรในจังหวัดขอนแก่นที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,560 ครัวเรือน มีอาหารปลอดภัยไว้บริโภคในครัวเรือน และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ร้อยละ 10 ทั้งนี้ จะมีการเปิดตัวโครงการประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2556 นี้ นายบัณฑิต กล่าว
ที่มา : แนวหน้า

เวนคืน 1,600 ไร่ผุด'ไฮสปีดเทรน'สายอีสาน ลุ้นย้าย3สถานีประเดิม'สระบุรี-ปากช่อง-โคราช'อยู่หรือไป

เปิดแนวไฮสปีดเทรนเฟสแรกสายอีสาน "กรุงเทพฯ-โคราช" ระยะทาง 250 กิโลเมตร เวนคืนที่ดิน 1,600 ไร่ จาก "ภาชี" ยัน "โคราช" เคลียร์พื้นที่วางรางรถไฟฟ้า ออกแบบปักหมุด 3 สถานีหลัก "สระบุรี-ปากช่อง-โคราช" แต่ยังต้องมีลุ้นจะอยู่ที่สถานีรถไฟเดิมหรือย้ายเข้าใช้พื้นที่กรมธนารักษ์-เวนคืนที่ดินเอกชนเพิ่ม เผยงานเข้าโรงผลิตปูน "เอสซีจี-ปูนนครหลวง-ทีพีไอ" โครงการผ่าพื้นที่ประทานบัตรต้องเจาะอุโมงค์ลอดกว่า 3 กิโลเมตร เร่งยื่นขออีไอเอโครงการ ส.ค.นี้
          นายนิรัตน์ ตันสวัสดิ์ ผู้จัดการโครงการศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย กลุ่มบริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้การศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ จากกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร ใกล้จะแล้วเสร็จในส่วนของเฟสแรก ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร
          เฟสแรกเร่งยื่นขออีไอเอ ส.ค.นี้
          ความคืบหน้าล่าสุด เตรียมเสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ให้คณะกรรมการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนผลการศึกษาภาพรวมทั้งโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2557
          ทั้งนี้ โครงการไฮสปีดเทรนสายกรุงเทพฯหนองคาย จะมีสองเฟส โดยเฟสแรกเป็นช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งออกแบบเสร็จแล้ว ส่วนเฟสสองช่วงนครราชสีมาหนองคาย มีระยะทางประมาณ 355 กิโลเมตร เป็นแผนงานในอนาคต
          นายนิรัตน์กล่าวอีกว่า ภาพรวมการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯหนองคาย แนวเส้นทางยังคงใช้พื้นที่เขตทางรถไฟเดิมเป็นหลัก ยกเว้นบางช่วงที่ต้องมีการปรับรัศมีความโค้งให้มีความเหมาะสมกับการเดินรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะต้องมีการเวนคืนที่ดินจำนวนมาก แต่จะให้กระทบต่อการเวนคืนให้น้อยที่สุด โดยแนวเส้นทางช่วงแรกจากกรุงเทพฯ-ภาชี ระยะทาง 84 กิโลเมตร จะใช้โครงสร้างร่วมกับรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่
          เซ็นทรัลแอบลุ้นสถานี "สระบุรี"
          สำหรับแนวเส้นทางเฟสแรก (กรุงเทพฯนครราชสีมา) จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบางซื่อ ผ่านสถานีดอนเมือง สถานีพระนครศรีอยุธยา จนมาถึงชุมทางบ้านภาชี จากนั้นแนวจะเข้าสู่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน จากบ้านภาชีมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ผ่านสถานีปากช่อง จากนั้นเส้นทางจะเลียบอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองไปยังสถานีนครราชสีมา
          โดยมี 3 สถานี แต่ตำแหน่งที่ตั้งยังไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจน ประกอบด้วย 1.สถานีสระบุรี มี 2 ทางเลือกคือ อยู่สถานีรถไฟสระบุรีในปัจจุบัน หรือสร้างบนที่ดินเอกชนติดถนนเลี่ยงเมือง ซึ่งจะเยื้องกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สระบุรี
          2.สถานีปากช่อง มี 2 ทางเลือกว่า จะอยู่ที่สถานีรถไฟปากช่องเดิม หรือสร้างบนที่ดินของกรมธนารักษ์ กรณีที่ดินกรมธนารักษ์ปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นโรงงานที่ 5 สายพลาธิการ และ 3.สถานีนครราชสีมา ทางเลือกคือจะอยู่ที่เดิมสถานีรถไฟนครราชสีมา หรือเวนคืนที่ดินเอกชนเพิ่มย่านสถานีภูเขาลาด
          ขณะเดียวกัน สำหรับเฟสสองจากนครราชสีมา-หนองคาย มี 3 สถานีคือ สถานีขอนแก่น
 สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย
          ภาชี-โคราช เวนคืน 1.6 พันไร่
          สำหรับรูปแบบโครงสร้างตลอด เส้นทาง จะมีทั้งทางยกระดับ ทางระดับพื้น สะพานบก และอุโมงค์ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ที่เส้นทางพาดผ่าน สำหรับแผนใน เฟสแรกจะมีทางยกระดับกว่า 100 กิโลเมตร เนื่องจากตัดผ่านพื้นที่เขตเมืองจำนวนมาก โดยทางระดับพื้นมีระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร สะพานบก 4 กิโลเมตร และอุโมงค์ช่วงแก่งคอยประมาณ 6.3 กิโลเมตร เนื่องจากตัดผ่านพื้นที่เหมืองประทานบัตรปูนซีเมนต์ 3 บริษัท คือ ปูนซิเมนต์ไทย ปูนนครหลวง และปูนทีพีไอฯ
          นายนิรัตน์กล่าวว่า เงินลงทุนในเฟสแรกจะอยู่ที่ประมาณ 170,450 ล้านบาท แยกเป็นค่าเวนคืนกว่า 8,000 ล้านบาท เนื่องจากจะต้องมีการเวนคืนที่ดินตั้งแต่ช่วงภาชี-นครราชสีมา รวมพื้นที่ประมาณ 1,500-1,600 ไร่
          มีค่าก่อสร้างประมาณ 140,855 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาประมาณ 3,000 ล้านบาท และระบบรถไฟฟ้าอีกประมาณ 31,700 ล้านบาท ส่วนเฟสสอง (นครราชสีมาหนองคาย) ประเมินเบื้องต้นค่าก่อสร้างน่าจะอยู่ที่ประมาณ 108,245 ล้านบาท
          สร้างอุโมงค์ลอดโรงปูน 3 ยี่ห้อ
          อย่างไรก็ตาม แนวเส้นทางเฟสแรกจะมีปรับแนว 2 ช่วง คือ 1.ช่วงแก่งคอยที่ตัดผ่านพื้นที่เหมืองประทานบัตรของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
          นายนิรัตน์กล่าวว่า ข้อสรุปคือจะสร้างเป็นโครงสร้างยกระดับจากสถานีมาบกะเบา ก่อนข้ามทางเข้าออกและสายพานลำเลียงของโรงผลิตปูนซีเมนต์นครหลวง เพื่อใช้พื้นที่ประมาณ 2,000 เมตรให้พอกับรัศมีโค้ง จากนั้นแนวจะเบี่ยงลงทางด้านทิศใต้ ข้ามทางรถไฟเดิม 2 จุด ห่างจากสถานีผาเสด็จประมาณ 150 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่กรรมสิทธิ์ของบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง มีแผนจะขยายโรงงานในอนาคต บริเวณนี้จะเจาะอุโมงค์ยาว 3.3 กิโลเมตร และช่วงอุโมงค์จะพาดผ่านพื้นที่ประทานบัตรของปูนซิเมนต์ไทยและทีพีไอฯ
          2.ช่วงบริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง จะสร้างทางวิ่งเป็นทางยกระดับเลียบอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง และยกระดับข้ามทางรถไฟเดิม จากนั้นแนวเส้นทางจะเลียบ อ่างเก็บน้ำ ก่อนจะข้ามทางรถไฟเดิมอีกครั้ง แล้วจึงกลับมาขนานกับแนวทางรถไฟเดิม ระยะทางบริเวณนี้ประมาณ 17 กิโลเมตร

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

'นายกธีระศักดิ์ ' เร่งปรับปรุงศาลหลักเมืองจัดเทศกาลเฉลิมฉลองตลอดเดือนมิ.ย.-ธ.ค.


           เมื่อเร็ว ๆ นี้ เทศบาลนคขอนแก่น ได้จัดงานแถลงข่าว "งานเฉลิมมหานคร ฉลองหลักเมืองขอนแก่น" โดยมีนายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนคขอนแก่น พร้อมด้วยรองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนการงานกลุ่มปัญจมิตร ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด ขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุตสาหกรรม สภาทนายความจังหวัดขอนแก่น วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าร่วม
          นายธีระศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับการจัดงานครั้งนี้เกิดจากในช่วงระหว่างเตรียมการบูรณะปรับปรุงศาลหลักเมืองนั้น กรมการปกครองได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หลักเมืองขอนแก่นให้อยู่ในความดูแลของราชการ แต่คนขอนแก่นเห็นว่าไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้อง พร้อมอ้างอิงรายงานการวิจัยเรื่องกระบวนการกระจายอำนาจการบริหารจัดการศาลหลักเมืองให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่นและคณะนิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น
          นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยอีกว่า สำหรับการนำเสนองานเทศกาลตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2556 อาทิ งานเทศกาลอาหารและมหกรรมเครื่องครัว ระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย. ที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น งานมหกรรมหนังสือภาคอีสาน ครั้งที่ 1 วันที่ 1-7 ก.ค. ที่ศูนย์ ประชุมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น งานประเพณีออกพรรษา ไต้ประทีป บูชาพุทธกตัญญู ประจำปี 56 ระหว่างวันที่ 17- 20 ต.ค. ที่บริเวณบึงแก่นนคร
          งานมหกรรมสุขภาพอีสาน วันที่ 14-16 พ.ย. ที่บริเวณลานกีฬาต้านยาเสพติดบึงแก่นนคร งานเทศกาลขอนแก่นแดนศิลปะ วันที่ 1-3 ธ.ค. ที่ศาลหลักเมืองขอนแก่นและ แกลเลอรี่ชื่อดังทั่วเมืองขอนแก่นจำนวน 9 แห่ง งานมหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ ประจำปี 56 วันที่ 20 ธ.ค. 56-5 ม.ค. 57 ที่บริเวณ สวนสุขภาพบึงทุ่งสร้าง และงานขอนแก่น เคานท์ดาวน์ 2014 วันที่ 25-31 ธ.ค.ที่ถนนศรีจันทร์และสวนสาธารณะประตูเมือง
          หมวดฉลองหลักเมืองขอนแก่น ได้แก่ กิจกรรมบวงสรวงศาลหลักเมือง ระหว่างวันที่ 19 มิ.ย. 2556 ที่บริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่น กิจกรรมขอนแก่นเมืองใจดีช่วงเวลาแห่งความสุขของผู้ให้-ผู้รับ กับ 3 ภารกิจ ได้แก่ การแสดงมหรสพ โรงทาน และรับบริจาคโลหิต โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันศุกร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-พ.ย. 2556 และในงานบุญคูนเมือง  กิจกรรมการจัดทำหนังสือและภาพยนตร์สั้นเชิงสารคดีศาลหลักเมือง กิจกรรมการจัดทำเหรียญที่ระลึกศาลหลักเมือง "รุ่นสำเร็จ" สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.เป็นต้นไป กิจกรรมการรับบริจาคแผ่นทองคำเปลว และการปิดทองประตูเมือง กิจกรรมโยงด้ายสายสิญจน์ทั่วเมืองขอนแก่น กิจกรรมปรับปรุงศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม โรจนเดช กิจกรรมงานบุญคูนเมืองระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค. และกิจกรรมพิธีชุมนุมเทวดา อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วเมืองขอนแก่นจำนวน 23 แห่ง
ที่มา : เดลินิวส์

รอยเตอร์’ระบุ เศรษฐกิจไทยกำลังบูมที่‘ภาคอีสาน’ ไม่ใช่‘กรุงเทพฯ’อีกต่อไป


  รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่สารคดีที่ชี้ให้เห็นว่า เวลานี้ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมกำลังเริ่มชะลอตัวลง แต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมีอัตราการเติบโตขยายตัวอย่างสูงลิ่ว จนเป็นที่สนใจจับตาของพวกนักลงทุนและบริษัทธุรกิจทั้งหลาย ทั้งนี้เหตุผลสำคัญประการหนึ่งมาจากปัจจัยทางการเมือง นั่นคือการที่ภาคนี้เป็นฐานของ คนเสื้อแดงที่สนับสนุน ทักษิณอย่างเหนียวแน่น จึงได้รับประโยชน์มากมายจากนโยบายต่างๆ ในยุค ยิ่งลักษณ์นอกจากนั้นแล้ว การเดินหน้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก็ยังทำให้ภาคอีสานยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
       ในสารคดี (feature) ของรอยเตอร์ที่เขียน พอล คาร์สเทน (Paul Carsten) และ ไพรัตน์ เต็มไพโรจน์ (Pairat Temphairojana) ได้บรรยายให้เห็นภาพว่า ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเวลานี้ อาคารศูนย์การค้า, โรงงาน, และสถานที่ก่อสร้าง กำลังปรากฏเผยโฉมให้เห็นเคียงข้างไร่นาฟาร์มเกษตร เป็นเสมือนเชื้อเพลิงทางเศรษฐกิจอันทรงพลังในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ชั้นนำที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย และถึงแม้อัตราการเติบโตโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังเริ่มที่จะชะลอตัว ทว่าเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับกำลังอยู่ในท่ามกลางความเฟื่องฟู
       รอยเตอร์บอกว่า การกลับมาฟื้นตัวในทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของไทย บังเกิดขึ้นเคียงคู่ไปกับประดานโยบายที่มุ่งกระตุ้นการขยายตัว ตั้งแต่การเพิ่มค่าแรงไปจนถึงมาตรการอุดหนุนสินค้าการเกษตร ซึ่งก็กำลังสร้างความมั่งคั่งให้แก่อาณาบริเวณที่อยู่ตรงหัวใจของขบวนการ เสื้อแดงที่หนุนหลังนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2011
       ในขณะที่ชนชั้นกลางใหม่ๆ กำลังปรากฏโฉมให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ พวกนักลงทุนและบริษัทธุรกิจทั้งหลายจึงกำลังจับจ้องให้ความสนใจ คริส วู้ด (Chris Wood) กูรูด้านตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ของ ซีแอลเอสเอ (CLSA) หยิบยกภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี่แหละ มาเป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมจึงควรวางเดิมพันระยะยาวเอาไว้กับประเทศไทย
       “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเกิดการแสดงฤทธิ์พุ่งพรวดขึ้นไปในทางเศรษฐกิจมหภาคเขาบอก
       ศักยภาพของภาคอีสานอาจไม่ปรากฏเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ ถ้าหากพวกโครงการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวม 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งกำลังก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างแรงอยู่ในเวลานี้ กลายเป็นตัวรับเคราะห์จากความแตกร้าวลึกล้ำระหว่างพรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับบรรดาฝ่ายค้านทั้งหลาย
       แต่ถ้าแผนการนี้เดินหน้าต่อไปได้ตามที่คาดหมายกันอยู่ทั่วไปแล้ว มันก็จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือทีเดียว ราหุล บาจอเรีย (Rahul Bajoria) นักเศรษฐศาสตร์แห่ง บาร์เคลย์ส แคปิตอล (Barclays Capital) ให้ความเห็น “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือจุดต่อไปที่พวกนักลงทุนและพวกผู้บริโภคจะพากันเข้ามา ถ้าหากสามารถเชื่อมโยงต่อไปถึงจีนได้แล้ว มันจะกลายเป็นจุดเข้าประเทศของประเทศไทยไปเลยทีเดียว ไม่ใช่กรุงเทพฯอีกแล้วเขาบอก

       “แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับระบบราชการที่จะดำเนินโครงการต่างๆ ในขณะที่พวกเขายังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจในเวลาปีหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า  รอยเตอร์ชี้ว่า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นกระโจนขึ้นไปถึง 40% นับตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2011 นับเป็นการพุ่งพรวดมากที่สุดไม่ว่าจะเทียบกับภูมิภาคไหนของประเทศไทย และจากการสัมภาษณ์สอบถามพวกนักธุรกิจตลอดจนจากข้อมูลการลงทุนก็บ่งบอกว่าแนวโน้มเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป
       จำนวนโครงการการลงทุนของภาคเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 49% ในปี 2012 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมียอดการลงทุนสูงขึ้นมากว่าเท่าตัว จนอยู่ในระดับ 2,300 ล้านดอลลาร์ (ราว 71,300 ล้านบาท) ทั้งนี้ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย การลงทุนเหล่านี้จำนวนมากกระจุกอยู่ในด้านอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่อาคารคอนโดมีเนียม ไปจนถึงทาวน์เฮาส์ และช็อปปิ้งพลาซ่า
       “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประชากรขนาดใหญ่ มีประชากรที่หนาแน่น ดังนั้นรายได้จึงมีเยอะนายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) กล่าว โดยที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่พำนักอาศัยของประชากรราวหนึ่งในสามของไทยซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 68 ล้านคน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา ได้เปิดศูนย์การค้ามูลค่า 2,750 ล้านบาทขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ของบริษัทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว
       **ความเฟื่องฟูเนื่องจากแรงขับดันทางการเมือง**
       รอยเตอร์ชี้ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในภาคอีสานเวลานี้ สามารถนำเอาเรื่องปัจจัยทางการเมืองมาอธิบายได้อย่างน้อยก็บางส่วน  รัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ได้ประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วทั้งประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำหรับบางจังหวัดทางภาคอีสานแล้วนี่คือการปรับเพิ่มขึ้นถึง 35% จึงจัดอยู่ในพวกจังหวัดที่ได้ค่าจ้างสูงขึ้นมากที่สุด และเป็นการได้เพิ่มขึ้นอีกหลังจากที่มีการขึ้นค่าจ้างกันทั่วประเทศ 40% ไปรอบหนึ่งแล้วในเดือนเมษายน 2012
       คนงานจำนวนมาก อย่างเช่นพวกที่กำลังก่อสร้างศูนย์การค้า 168 แพลตินัม มอลล์ ในจังหวัดอุดรธานี เวลานี้ต่างรู้สึกพอใจที่จะเดินทางกลับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อทำงานซึ่งได้รับค่าจ้างพอๆ กับที่ได้เมื่อทำงานในกรุงเทพฯแล้ว
       
       “คนเสื้อแดงในภาคอีสาน อยู่ในกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันเหนียวแน่นที่สุดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งแม้ลี้ภัยตนเองไปตั้งฐานอยู่ในดูไบ แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์  เมื่อตอนที่เขาครองอำนาจตั้งแต่ปี 2001 นโยบายแบบประชานิยมของเขา ตั้งแต่โครงการรักษาโรคให้ฟรีๆ ในความเป็นจริง ไปจนถึงการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับคนจนในชนบท ได้ทำให้เขากลายเป็นฮีโรในภาคอีสาน
       คนเสื้อแดงได้กลายเป็นแกนกลางของขบวนการที่ทำให้กรุงเทพฯตกอยู่ในภาวะอัมพาตในช่วงเดือนเมษยน-พฤษภาคม 2010 ด้วยการจัดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้น ตลอดจนกลุ่มพลังต่างๆ ที่โค่นล้มขับไล่ทักษิณลงจากอำนาจ
       การประท้วงตอนนั้นถูกปราบปรามด้วยกำลัง แต่คนเสื้อแดงก็สามารถแก้แค้นในการเลือกตั้งปี 2011 และเวลานี้ก็ได้เห็นรางวัลค่าตอบแทน
       “ความรุ่งเรืองเฟื่องฟูจำนวนมากเกิดขึ้นในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเพราะแรงขับดันทางการเมือง ส่วนหนึ่ง ก็เพราะที่นั่นคือที่อยู่ของพวกผู้สนับสนุนทักษิณนั่นเองวู้ด แห่ง ซีแอลเอสเอ แจกแจง
       ตามข้อมูลของธนาคารโลก สัดส่วนคนจนในประเทศไทยได้ลดลงมาเหลือเพียงเท่ากับ 13% ของประชากรเมื่อปี 2011 จากที่เคยอยู่ในระดับ 58% ในปี 1990 ทว่าจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวในภาคอีสานในปี 2011 ยังคงอยู่ในระดับไม่ถึง 1 ใน 8 ของตัวเลขนี้ในกรุงเทพฯ ซึ่งเท่ากับ 1,600 ดอลลาร์ (ราว 49,600 บาท) ต่อปี ทั้งนี้ตามตัวเลขของสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
       ภาวะเช่นนี้กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง ด้วยนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่มุ่งเพิ่มพูนอำนาจซื้อโดยวิธีให้การอุดหนุนแก่ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ เป็นต้นว่า ข้าว, มันสำปะหลัง, และยางพารา ภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เกษตรกรได้รับเงินค่าข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท ซึ่งพวกผู้ส่งออกบอกว่าสูงกว่าตลาดโลกถึงราว 50%
       “ทั้งในยุคทักษิณและในยุคยิ่งลักษณ์ มีการให้อะไรเยอะแยะมากมายแก่ภาคอีสาน และกำลังมีเงินเยอะแยะมากมายไหลบ่าเข้าไปในภาคนี้ ซึ่งมากกว่าที่รัฐบาลก่อนๆ เคยใช้จ่ายในภาคอีสานเยอะทีเดียวนายอิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี บอก
       ชีวิตในภาคอีสานกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง น.ส.ปัญจพร พัฒนพิฑูรย์ กรรมการผู้จัดการของบริษัทซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการ 168 แพลตินัม บอกว่า ปัจจุบันประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการศึกษาที่ดีขึ้นกว่าในอดีต ทัศนคติในเรื่องต่างๆ กำลังวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว และเกิดการขยายเขตเมืองในอัตราที่รวดเร็วยิ่งกว่าในกรุงเทพฯเสียอีก
       **ใครๆ ก็ไปลงทุนในภาคอีสาน**
       
       การรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2006 ซึ่งโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณตกลงจากอำนาจ ก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งความไม่สงบอยู่หลายปี แต่ความราบรื่นทางการเมืองได้หวนกลับคืนมานับแต่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้ง  “เมื่อเราเปลี่ยนตัวนักการเมือง พวกเขาก็เปลี่ยนนโยบาย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้กันยิ่งกว่านี้แล้ว ก็จะทำให้เศรษฐกิจเสียหายนายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว  บริษัทแสนสิรินั้นกำลังพัฒนาโครงการอาคารคอนโดมีเนียมมูลค่า 127 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,937 ล้านบาท) 2 โครงการในจังหวัดขอนแก่นในปี 2013 นี้ และวางแผนสร้างโครงการที่ 3 ซึ่งจะมีมูลค่า 35 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,085 ล้านบาท) ในปี 2014
       “อย่างน้อยที่สุด 5 ปี แล้วจากนั้นเราก็จะทำอะไรสำเร็จขึ้นมาบ้างอย่างแน่นอนนายอุทัยบอก ซึ่งมุ่งที่จะเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างทางรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
       เวลานี้โครงการดังกล่าวนี้กำลังมีความเป็นไปได้อย่างมาก โดยได้รับแรงกระตุ้นจากน้ำท่วมเมื่อปี 2011 ซึ่งสร้างความหายนะให้แก่เขตอุตสาหกรรมในภาคกลาง ใกล้ๆ กรุงเทพฯ
       “พวกให้บริการทางโลจิสติกส์ และพวกผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค ต่างกำลังโยกย้ายไปอยู่จังหวัดที่ไกลออกไป สืบเนื่องจากเรื่องน้ำท่วมนายปธาน สมบูรณสิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (TPARK) บริษัทด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นกิจการในเครือของ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว บริษัทของเขากำลังลงทุนเป็นจำนวนที่อาจจะสูงถึง 2,000 ล้านบาทในโครงการศูนย์โลจิสติกส์บนพื้นที่ 79 เอเคอร์ (ราว 197.5 ไร่) ในจังหวัดขอนแก่น
       ภาคอีสานยังควรที่ได้ประโยชน์จากการที่โรงงานและศูนย์กระจายสินค้ามีการเคลื่อนย้าย เพื่อเป็นการรับมือกับ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (AEC) ซึ่งมีกำหนดที่จะทำให้สำเร็จภายในปลายปี 2015 หรือปี 2016
       ระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ของเออีซี ซึ่งจะเป็นเส้นทางหลวงและเส้นทางของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการค้า จะเริ่มต้นจากเมืองท่าดานัง ในเวียดนาม ผ่านลาว, ไทย, และพม่า ไปจนถึงทะเลอันดามัน โดยที่จะตัดผ่านจังหวัดขอนแก่น เมืองศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและศูนย์กลางการพาณิชย์ของภาคนี้
       โครงการนี้จะสนับสนุนความมุ่งมาดปรารถนาของไทยที่จะวางฐานะตนเองเป็นปากทางเข้าสู่ประเทศจีน โดยอาศัยเครือข่ายถนนและทางรถไฟที่ตัดผ่านลาว
       โครงการต่างๆ ทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนกระบวนการขยายตัวเมืองซึ่งจะเกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้ ถ้าหากสามารถเดินหน้าไปตามแผนแล้ว ก็จะกลายเป็นตัวสนับสนุนอัตราเติบโตของไทยในอนาคต เครดิต สวิส ระบุเอาไว้เช่นนี้ในรายงานฉบับหนึ่ง อีกทั้ง เครดิต สวิส ยังปรับเพิ่มประมาณการแนวโน้มอัตราเติบโตของจีดีพีไทยในช่วงปี 2014 ถึง 2018 ให้เป็น ระหว่าง 4.5 ถึง 5.0% จากเดิมที่ให้ไว้เพียง 4.2%
       
       ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจอะไรที่พวกบริษัทผู้ผลิตของไทย เป็นต้นว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน), และเครือปูนซีเมนต์ไทย ตลอดจนพวกบริษัทต่างชาติที่มีโรงงานในเมืองไทย ดังเช่น บริษัทพานาโซนิค คอร์ป, บริษัทคราฟต์ ฟู้ดส์ กรุ๊ป อิงก์, และบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ล้วนแต่กำลังถูกดึงดูดเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
       “ถ้าคุณมองไปที่พวกบริษัทภาคธุรกิจทั้งหลาย พวกบริษัทใหญ่ทุกๆ แห่งต่างก็ไปที่นั่นกันทั้งนั้น พวกเขาไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับกรุงเทพฯกันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาพูดถึงเรื่องต่างจังหวัดนายแพตริก ชาง หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์อาเซียน แห่ง บีเอ็นพี ปาริบาส์ อินเวสต์เมนต์ พาร์ตเนอร์ส ให้ความเห็น สิ่งที่เซ็กซี่เร้าใจเอามากๆ ก็คือการขยายเขตเมืองในต่างจังหวัด และวิถีทางที่กระบวนการนี้ส่งผลกระทบต่อการบริโภค
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์

ทุ่ม 1,500 ล้านผุดศูนย์ค้าส่งสินค้าแฟชั่นที่อุดรธานี



 แฟรี่บริดจ์ โฮลดิ้ง ทุ่ม 1,500 ล้านบาท ผุด “โครงการ 168 แพลตินั่ม” ศูนย์ค้าส่งสินค้าแฟชั่นครบวงจรทันสมัยที่สุดในภาคอีสาน ที่ จ.อุดรธานี ชูคอนเซ็ปต์ “ลงทุนคุ้มค่า ร้านค้าทำเลทอง” เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าแฟชั่นทั้งชาวไทย ลาว เวียดนาม และจีน รับการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน คาดเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกปี 57
       
       น.ส.ปัญจพร พัฒนพิฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฟรี่บริดจ์ โฮลดิ้ง จำกัด ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ 168 แพลตินั่ม เปิดเผยว่า โครงการ 168 แพลตินั่ม ได้พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ลงทุนคุ้มค่า ร้านค้าทำเลทอง” The Wholesales Destination ศูนย์การค้าส่งแฟชั่นชั้นนำกว่า 1,000 ร้านค้า ทันสมัย และครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน พัฒนาบนสุดยอดทำเลศักยภาพที่คุ้มค่าแก่การลงทุนของ จ.อุดรธานี มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท
       
       พื้นที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มผู้ประกอบการค้าส่ง และค้าปลีก ทั้งใน จ.อุดรธานี และใกล้เคียง เช่น จ.ขอนแก่น จ.หนองคาย จ.หนองบัวลำภู จ.สกลนคร ฯลฯ รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯ ซึ่งโครงการ 168 แพลตินั่ม จะเป็นศูนย์กลางเข้ามาช่วยผู้ประกอบการค้าปลีกสามารถซื้อสินค้าสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องมาซื้อที่กรุงเทพฯ ตลอดจนรองรับกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป. ลาว รวมทั้งประเทศใกล้เคียง เช่น เวียดนาม จีน ที่มีอยู่มากรับความเจริญเติบโตในภูมิภาคอาเซียนด้วย
       
       โครงการ 168 แพลตินั่ม ตั้งอยู่บนพื้นที่ 44 ไร่ ติดถนนบุญยาหาร ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี ใกล้สนามบินเพียง 3.5 กิโลเมตร สามารถเดินทางสู่จังหวัดโดยรอบได้สะดวก พัฒนาเป็นศูนย์ค้าส่งมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 52,000 ตร.ม. มีร้านค้าถึง 1,168 ร้านค้า จัดโซนเป็นสัดส่วน แบ่งออกเป็นเฟสแรก จำนวน 679 ร้านค้า และเฟส 2 จำนวน 489 ร้านค้า ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 9 ตร.ม.-13.50 ตร.ม. โดยแบ่งเป็นส่วนพื้นที่เป็นประเภทขายสิทธิการเช่า (เซ้งระยะยาว) 10 ปี, 20 ปี และ 30 ปี
       
       ประกอบด้วย โซนแฟชั่นหญิง, แฟชั่นชาย, แฟชั่นเด็ก, เครื่องประดับ, เครื่องหนัง และพื้นที่สำหรับเช่าระยะสั้น ประกอบด้วยพื้นที่ พลาซ่า, รีเทล และโซนปรับอากาศ ครบครันด้วยศูนย์รวมธนาคาร ศูนย์อาหาร ห้องน้ำหรูระดับดีลักซ์ ถนนภายในโครงการกว้างถึง 10 เมตร และที่จอดรถรองรับกว่า 600 คัน
       
       ทั้งได้ออกแบบตกแต่งภายในที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ด้วยการใช้สัญลักษณ์แห่งเอเชีย 4 โซน ได้แก่ ตลาดเอเชีย, ตลาดสยาม, ตลาดลาว และตลาดจีน โดยการก่อสร้างล่าสุด มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 40% คาดว่าจะเสร็จในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และพร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาสแรกของปี 2557
       
       น.ส.ปัญจพร กล่าวต่อว่า จากการศึกษาตลาดของ จ.อุดรธานี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ มีการเติบโตสูงทั้งการเป็นศูนย์กลางการค้า และบริการของภาคอีสานตอนเหนือ เป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ของภาคอีสาน และกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูงจำนวนมากทั้งใน จ.อุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียง ตลอกจนกลุ่มลูกค้าที่มาจาก สปป.ลาว เวียดนาม และจีน เป็นต้นทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ในอีก 2 ปีข้างหน้า
       
       การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะเอื้อให้ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีกขยายตลาดภายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของการค้าตามแนวชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบัน การค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีการค้าขายผ่านแนวชายแดนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของการค้าทั้งหมด จึงคาดการณ์ว่าธุรกิจค้าส่งของไทยตามแนวชายแดนจะมีโอกาสขยายตัวอีกมากหลังเปิด AEC มั่นใจว่าโครงการ 168 แพลตินั่ม จะเป็นศูนย์ค้าส่งที่เติบโตอย่างยั่งยืน และนำความเจริญความคุ้มค่าด้านการลงทุนสู่กลุ่มผู้ประกอบการในระยะยาว
       
       ด้านนายชนะ นันทจันทูล กรรมการผู้จัดการบริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้แอฟฟิลิเอทส์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาโครงการและบริหารด้านการตลาด กล่าวว่า โครงการ 168 แพลตินั่ม ได้เปิดจองพื้นที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิถุนายนศกนี้พร้อมด้วยโปรโมชันพิเศษ จำนวน 10 ยูนิต สำหรับผู้จอง และวางเงินทำสัญญาพื้นที่เช่าเซ็ง 30 ปี ด้วยส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท
       
       ผลเปิดขายอย่างไม่เป็นทางการช่วงกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับดีจากโรงงานผู้ผลิตแฟชั่นเสื้อผ้า, ร้านค้าส่ง ค้าปลีก และเจ้าของกิจการต่างๆ ทั้งใน จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น และกรุงเทพฯ ขณะนี้มียอดจองในแฟสที่ 1 แล้วกว่า 80% คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขอเชิญร่วมงานสัมมนา “ต้นกล้าทูโกล SMEs ไทยสู่ AEC” !!! วันที่ 14 มิถุนายน 2556 นี้

          กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมมือกับสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  จัดงานสัมมนา ต้นกล้าทูโกล SMEs ไทยสู่ AEC” ในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556 เวลา 08:30 น.- 16:00 น. ณ โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น  โดยมีวัตถุประสงค์คือการสร้าง SMEs ไทย สู่เวทีการค้าสากล (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)  เพื่อรองรับการเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (Asean Economic Community: AEC
ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่
อ.ภก.ณัฐพศุตม์  ภัทธิราสินสิริ
ผู้จัดการโครงการ ต้นกล้าทูโกล 2556

โทรศัพท์ 08-6632-5888

ส่งเสริมท่องเที่ยวขอนแก่น

                     เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสิทธิกุล ภูคำวงศ์ รองนายก อบจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก  อบจ.ขอนแก่น ให้เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเพณีไหว้เจ้าปู่ รดน้ำเต่า ประจำปี 56   ณ สถานที่ท่องเที่ยวหมู่บ้านเต่า บ้านกอก ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยภายในงานได้จัดพิธีมอบรางวัลให้กับหมู่บ้านที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศ การประกวดบ้านพักโฮมสเตย์ ประจำปี 2556 ขึ้นพร้อมกับมอบเงินสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ให้กับหมู่บ้านเต่าและบ้านกอก ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ เป็นเงินจำนวน 99,000 บาท โดยมีนายประหยัด เจริญสุข นายก อบต.สวนหม่อน เป็นผู้รับมอบ.

ที่มา : เดลินิวส์