เปิดแนวไฮสปีดเทรนเฟสแรกสายอีสาน "กรุงเทพฯ-โคราช"
ระยะทาง 250 กิโลเมตร เวนคืนที่ดิน 1,600
ไร่ จาก "ภาชี" ยัน "โคราช"
เคลียร์พื้นที่วางรางรถไฟฟ้า ออกแบบปักหมุด 3 สถานีหลัก
"สระบุรี-ปากช่อง-โคราช"
แต่ยังต้องมีลุ้นจะอยู่ที่สถานีรถไฟเดิมหรือย้ายเข้าใช้พื้นที่กรมธนารักษ์-เวนคืนที่ดินเอกชนเพิ่ม
เผยงานเข้าโรงผลิตปูน "เอสซีจี-ปูนนครหลวง-ทีพีไอ"
โครงการผ่าพื้นที่ประทานบัตรต้องเจาะอุโมงค์ลอดกว่า 3 กิโลเมตร
เร่งยื่นขออีไอเอโครงการ ส.ค.นี้
นายนิรัตน์ ตันสวัสดิ์ ผู้จัดการโครงการศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย
กลุ่มบริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ"
ว่า ขณะนี้การศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ
จากกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร
ใกล้จะแล้วเสร็จในส่วนของเฟสแรก ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 250
กิโลเมตร
เฟสแรกเร่งยื่นขออีไอเอ ส.ค.นี้
ความคืบหน้าล่าสุด เตรียมเสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
ให้คณะกรรมการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
พิจารณาในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนผลการศึกษาภาพรวมทั้งโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี
2557
ทั้งนี้ โครงการไฮสปีดเทรนสายกรุงเทพฯหนองคาย จะมีสองเฟส
โดยเฟสแรกเป็นช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งออกแบบเสร็จแล้ว
ส่วนเฟสสองช่วงนครราชสีมาหนองคาย มีระยะทางประมาณ 355 กิโลเมตร
เป็นแผนงานในอนาคต
นายนิรัตน์กล่าวอีกว่า
ภาพรวมการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯหนองคาย
แนวเส้นทางยังคงใช้พื้นที่เขตทางรถไฟเดิมเป็นหลัก
ยกเว้นบางช่วงที่ต้องมีการปรับรัศมีความโค้งให้มีความเหมาะสมกับการเดินรถไฟความเร็วสูง
ซึ่งจะต้องมีการเวนคืนที่ดินจำนวนมาก แต่จะให้กระทบต่อการเวนคืนให้น้อยที่สุด
โดยแนวเส้นทางช่วงแรกจากกรุงเทพฯ-ภาชี ระยะทาง 84 กิโลเมตร
จะใช้โครงสร้างร่วมกับรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่
เซ็นทรัลแอบลุ้นสถานี "สระบุรี"
สำหรับแนวเส้นทางเฟสแรก (กรุงเทพฯนครราชสีมา) จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบางซื่อ
ผ่านสถานีดอนเมือง สถานีพระนครศรีอยุธยา จนมาถึงชุมทางบ้านภาชี
จากนั้นแนวจะเข้าสู่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน
จากบ้านภาชีมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ผ่านสถานีปากช่อง
จากนั้นเส้นทางจะเลียบอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองไปยังสถานีนครราชสีมา
โดยมี 3 สถานี
แต่ตำแหน่งที่ตั้งยังไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจน ประกอบด้วย 1.สถานีสระบุรี
มี 2 ทางเลือกคือ อยู่สถานีรถไฟสระบุรีในปัจจุบัน
หรือสร้างบนที่ดินเอกชนติดถนนเลี่ยงเมือง ซึ่งจะเยื้องกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล
สระบุรี
2.สถานีปากช่อง มี 2 ทางเลือกว่า
จะอยู่ที่สถานีรถไฟปากช่องเดิม หรือสร้างบนที่ดินของกรมธนารักษ์
กรณีที่ดินกรมธนารักษ์ปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นโรงงานที่ 5 สายพลาธิการ
และ 3.สถานีนครราชสีมา
ทางเลือกคือจะอยู่ที่เดิมสถานีรถไฟนครราชสีมา
หรือเวนคืนที่ดินเอกชนเพิ่มย่านสถานีภูเขาลาด
ขณะเดียวกัน สำหรับเฟสสองจากนครราชสีมา-หนองคาย มี 3 สถานีคือ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย
ภาชี-โคราช เวนคืน 1.6 พันไร่
สำหรับรูปแบบโครงสร้างตลอด เส้นทาง จะมีทั้งทางยกระดับ ทางระดับพื้น
สะพานบก และอุโมงค์ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ที่เส้นทางพาดผ่าน สำหรับแผนใน
เฟสแรกจะมีทางยกระดับกว่า 100 กิโลเมตร
เนื่องจากตัดผ่านพื้นที่เขตเมืองจำนวนมาก โดยทางระดับพื้นมีระยะทางประมาณ 58
กิโลเมตร สะพานบก 4 กิโลเมตร
และอุโมงค์ช่วงแก่งคอยประมาณ 6.3 กิโลเมตร
เนื่องจากตัดผ่านพื้นที่เหมืองประทานบัตรปูนซีเมนต์ 3 บริษัท
คือ ปูนซิเมนต์ไทย ปูนนครหลวง และปูนทีพีไอฯ
นายนิรัตน์กล่าวว่า เงินลงทุนในเฟสแรกจะอยู่ที่ประมาณ 170,450 ล้านบาท แยกเป็นค่าเวนคืนกว่า 8,000 ล้านบาท
เนื่องจากจะต้องมีการเวนคืนที่ดินตั้งแต่ช่วงภาชี-นครราชสีมา รวมพื้นที่ประมาณ 1,500-1,600
ไร่
มีค่าก่อสร้างประมาณ 140,855 ล้านบาท
ค่าจ้างที่ปรึกษาประมาณ 3,000 ล้านบาท
และระบบรถไฟฟ้าอีกประมาณ 31,700 ล้านบาท ส่วนเฟสสอง
(นครราชสีมาหนองคาย) ประเมินเบื้องต้นค่าก่อสร้างน่าจะอยู่ที่ประมาณ 108,245
ล้านบาท
สร้างอุโมงค์ลอดโรงปูน 3 ยี่ห้อ
อย่างไรก็ตาม แนวเส้นทางเฟสแรกจะมีปรับแนว 2 ช่วง
คือ 1.ช่วงแก่งคอยที่ตัดผ่านพื้นที่เหมืองประทานบัตรของผู้ผลิตปูนซีเมนต์
3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
นายนิรัตน์กล่าวว่า
ข้อสรุปคือจะสร้างเป็นโครงสร้างยกระดับจากสถานีมาบกะเบา
ก่อนข้ามทางเข้าออกและสายพานลำเลียงของโรงผลิตปูนซีเมนต์นครหลวง
เพื่อใช้พื้นที่ประมาณ 2,000 เมตรให้พอกับรัศมีโค้ง
จากนั้นแนวจะเบี่ยงลงทางด้านทิศใต้ ข้ามทางรถไฟเดิม 2 จุด
ห่างจากสถานีผาเสด็จประมาณ 150 เมตร
ซึ่งเป็นพื้นที่กรรมสิทธิ์ของบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง มีแผนจะขยายโรงงานในอนาคต
บริเวณนี้จะเจาะอุโมงค์ยาว 3.3 กิโลเมตร
และช่วงอุโมงค์จะพาดผ่านพื้นที่ประทานบัตรของปูนซิเมนต์ไทยและทีพีไอฯ
2.ช่วงบริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง
จะสร้างทางวิ่งเป็นทางยกระดับเลียบอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง
และยกระดับข้ามทางรถไฟเดิม จากนั้นแนวเส้นทางจะเลียบ อ่างเก็บน้ำ
ก่อนจะข้ามทางรถไฟเดิมอีกครั้ง แล้วจึงกลับมาขนานกับแนวทางรถไฟเดิม
ระยะทางบริเวณนี้ประมาณ 17 กิโลเมตร
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ