เบทาโกรส่งเอสเพียวบุกตลาด
กระจายสินค้าหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ
หวังครองตลาดอาหารสดระดับพรีเมี่ยม 90%
นายอรรถพล อุไรไพรวัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายงานการตลาดองค์กร เครือบริษัทเบทาโกรกล่าวว่า จากแนวโน้มที่ดีของผลิตภัณฑ์แบรนด์ S-Pure ที่เติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่าปีละ 15% นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 5 ปีก่อน เบทาโกรจึงมีแผนขยายฐานการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
ตลาดในประเทศจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ตั้งเป้าจะขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ ๆ และเมืองท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น สุราษฎร์ธานี พัทยา ขอนแก่น หาดใหญ่ นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้ผลิตภัณฑ์ S-Pure มีการจำหน่ายที่เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต หลังจากเพิ่ม ช่องทางจำหน่ายตามที่กล่าวมาแล้ว คาดว่าจะเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 10% และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอาหารสดระดับพรีเมี่ยมจาก 80% เป็น 90%
สำหรับตลาดต่างประเทศในขณะนี้ ส่งออกไปที่ฮ่องกงเพียงประเทศเดียว เนื่องจากเป็นประเทศที่กฎระเบียบ ข้อจำกัดน้อย ช่องทางการจำหน่ายในฮ่องกงอยู่ที่พรีเมี่ยม ซูเปอร์มาไก่ 30% และไข่ 20% โดยประมาณ และล่าสุดมีการขยายชนิดสินค้า คือ S-Pure Marinade โดยมีผลิตภัณฑ์แรกที่เปิดตัวไปแล้วคือเนื้อหมูหมักกระเทียม พริกไทย ซึ่งขณะนี้วางจำหน่ายแล้วตาม พรีเมี่ยม ซูเปอร์มาร์เก็ต และในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามมา
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า แผนงาน ในปีนี้เน้นขยายสาขาและสร้างการรับรู้การจดจำให้แก่ผู้บริโภค จะทำการโปรโมต มากขึ้น โดยตั้งงบฯการโปรโมตและ ส่งเสริมการขายไว้ที่ 50 ล้านบาท การขยายสาขาเบทาโกรช็อปจากเดิมที่มี อยู่เฉพาะกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ไม่กี่แห่ง ก็จะขยายไปตั้งสาขาตาม หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ส่วนการทำโปรโมชั่นของ S-Pure นั้นไม่ใช้การ ลดราคา แต่จะใช้การทำสินค้าให้พิเศษขึ้น เนื่องจากเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม อยู่แล้วร์เก็ต ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าจะขยายไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับแมสมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องเลือกพื้นที่ที่อยู่ในเมือง ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็พยายามจะหาตลาดอยู่ แต่ติดข้อบังคับ กฎเกณฑ์การนำเข้าสินค้าอาหารสด ซึ่งแต่ละประเทศมีกฎเกณฑ์ต่างกัน ถ้าประเทศไหนเข้าได้จะไปแน่นอน
สินค้าที่จะขับเคลื่อนให้ S-Pure เติบโตคือไข่ไก่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี ขณะนี้ มีกำลังการผลิตประมาณ 1 แสนฟอง/วัน สัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ S-Pure หมูทำรายได้มากที่สุด คิดเป็น 50%
นายอรรถพล อุไรไพรวัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายงานการตลาดองค์กร เครือบริษัทเบทาโกรกล่าวว่า จากแนวโน้มที่ดีของผลิตภัณฑ์แบรนด์ S-Pure ที่เติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่าปีละ 15% นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 5 ปีก่อน เบทาโกรจึงมีแผนขยายฐานการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
ตลาดในประเทศจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ตั้งเป้าจะขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ ๆ และเมืองท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น สุราษฎร์ธานี พัทยา ขอนแก่น หาดใหญ่ นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้ผลิตภัณฑ์ S-Pure มีการจำหน่ายที่เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต หลังจากเพิ่ม ช่องทางจำหน่ายตามที่กล่าวมาแล้ว คาดว่าจะเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 10% และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอาหารสดระดับพรีเมี่ยมจาก 80% เป็น 90%
สำหรับตลาดต่างประเทศในขณะนี้ ส่งออกไปที่ฮ่องกงเพียงประเทศเดียว เนื่องจากเป็นประเทศที่กฎระเบียบ ข้อจำกัดน้อย ช่องทางการจำหน่ายในฮ่องกงอยู่ที่พรีเมี่ยม ซูเปอร์มาไก่ 30% และไข่ 20% โดยประมาณ และล่าสุดมีการขยายชนิดสินค้า คือ S-Pure Marinade โดยมีผลิตภัณฑ์แรกที่เปิดตัวไปแล้วคือเนื้อหมูหมักกระเทียม พริกไทย ซึ่งขณะนี้วางจำหน่ายแล้วตาม พรีเมี่ยม ซูเปอร์มาร์เก็ต และในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามมา
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า แผนงาน ในปีนี้เน้นขยายสาขาและสร้างการรับรู้การจดจำให้แก่ผู้บริโภค จะทำการโปรโมต มากขึ้น โดยตั้งงบฯการโปรโมตและ ส่งเสริมการขายไว้ที่ 50 ล้านบาท การขยายสาขาเบทาโกรช็อปจากเดิมที่มี อยู่เฉพาะกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ไม่กี่แห่ง ก็จะขยายไปตั้งสาขาตาม หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ส่วนการทำโปรโมชั่นของ S-Pure นั้นไม่ใช้การ ลดราคา แต่จะใช้การทำสินค้าให้พิเศษขึ้น เนื่องจากเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม อยู่แล้วร์เก็ต ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าจะขยายไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับแมสมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องเลือกพื้นที่ที่อยู่ในเมือง ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็พยายามจะหาตลาดอยู่ แต่ติดข้อบังคับ กฎเกณฑ์การนำเข้าสินค้าอาหารสด ซึ่งแต่ละประเทศมีกฎเกณฑ์ต่างกัน ถ้าประเทศไหนเข้าได้จะไปแน่นอน
สินค้าที่จะขับเคลื่อนให้ S-Pure เติบโตคือไข่ไก่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี ขณะนี้ มีกำลังการผลิตประมาณ 1 แสนฟอง/วัน สัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ S-Pure หมูทำรายได้มากที่สุด คิดเป็น 50%
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 31 พฤษภาคม
พ.ศ. 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น