วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อสังหาฯเบนเข็มลงทุนต่างจังหวัดหนีราคาที่ดินพุ่ง


กลุ่มทุนอสังหาฯ ปรับแผนลงทุนออกสู่ปริมณฑลและตจว.อย่างต่อ เนื่อง ล่าสุดค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดอีก 7 โครงการมูลค่า 1.2 หมื่นล้าน เน้นบุก หนักต่างจังหวัด นายกบ้านจัดสรรชี้ต้นทุนค่าที่ดินสูง ผังเมืองกทม.มีข้อจำกัด จึงต้องขยาย  การลงทุนออกสู่นอกกรุง ขณะที่แฟรนไชส์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ลุยไม่ยั้ง เตรียมเปิด เชียงราย ราชบุรี นครราชสีมา นครศรีธรรมราช เซ็นจูรี่ 21” เผยซื้อขายที่ดินกลางกรุงพุ่งสูงกว่าราคาประเมิน 1 ก.ค.55 ถึงเท่าตัว
          นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยเน้นหนักโครงการในต่างจังหวัดมากขึ้นทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม เช่น บ้านเดี่ยว สวลีนครราชสีมา บ้านเดี่ยว 88 ฮิลล์ไซด์ภูเก็ต บ้านเดี่ยว อินิซิโอ ขอนแก่นและคอนโดมิเนียม นอร์ท เอทเชียงใหม่
          นอกจากนี้ ยังขยายไปยังจังหวัดใหม่ๆ โดยสนใจตลาดโซนภาคเหนือและภาคอีสานเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดได้ซื้อที่ดินใน จ.อุดรธานี แล้ว 2 แปลงคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปี 2556 และอยู่ระหว่างศึกษาตลาดที่อยู่อาศัยในเชียงรายด้วย หลังจากกลุ่มแลนด์ฯเข้ามาทำตลาดในเชียงใหม่นานแล้วจึงเริ่มสนใจจังหวัดใกล้เคียงที่เริ่มมีศักยภาพมากขึ้น
          สำหรับภาพรวมการลงทุนในที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ของแลนด์ฯส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 90% ต่างจังหวัดแม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ยังเป็นตลาดเล็ก ต้องอาศัยการลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในระยะสั้นสัดส่วนรายได้ต่างจังหวัด จะอยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น
          นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า สาเหตุที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ขยายการลงทุนออกสู่ปริมณฑลและต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากว่าต้นทุนราคาที่ดินและค่าก่อสร้างในการทำโครงการบ้านจัดสรรในเมืองกรุงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบการกำหนดอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินในผังเมืองมีข้อจำกัด อีกปัจจัยหนึ่งคือในเรื่องของการขยายโครงข่ายคมนาคม โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ เป็นตัวทำให้การลงทุนออกสู่นอกกรุงมากยิ่งขึ้น
          ขณะที่ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง แสนสิริ ก็ได้ประกาศจะ เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มเติมในทำเลหัวเมืองต่างจังหวัด 15 โครงการ รวมมูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้าน หรือคิดเป็น 22% จากเป้าหมายมูลค่าการเปิดตัวโครงการรวมในปี 2555 จำนวน 46,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่หัวหิน 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,550 ล้านบาท,ภูเก็ต 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท,เขาใหญ่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ,ขอนแก่น 1 โครงการ มูลค่า 630 ล้านบาท และพัทยา 1 โครงการ มูลค่า 1,900 ล้านบาท
          และเมื่อเร็ว ๆ นี้เอ็น.ซี.กรุ๊ปก็ได้เปิดโครงการบ้าน บ้านฟ้ากรีนเนอรี่พัทยาเหนือ บนพื้นที่ 41 ไร่ว่า มูลค่า 750 ล้านบาท เพื่อต่อยอดฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่กว่า 600 ครอบครัว ในพัทยา ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ที่อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม และขยายงานต่อยอดแบรนด์ บ้านฟ้า ภายใต้ชื่อใหม่ บ้านฟ้ากรีนเนอรี่
          นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทุนใหญ่อย่าง ซี.พี.แลนด์ในเครือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีแผนเปิดตัวโครงการพัฒนาที่ดินใหม่ในปี 55 อีก 10 โครงการ โดยจะครอบคลุมทำเลในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ครบทุกโปรดักต์แนวราบ คอนโดมิเนียม และสำนักงานให้เช่า รวมทั้งแผนเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง พื้นที่กว่า 3,300 ไร่
          โดยแผนลงทุนที่เป็นไฮไลต์ของซี.พี.แลนด์ในปีนี้จะเป็นการขับเคลื่อนแนวคิดพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด โดยจังหวัดยุทธศาสตร์การ ลงทุนของบริษัทแบ่งเป็น 8 โซนด้วยกัน ประกอบด้วย โซนภาคเหนือตอนบน จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง โซนภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก นครสวรรค์ โซนภาคอีสาน จ.ขอนแก่น อุดรธานี มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ จ.อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย นครพนม มุกดาหาร โซนภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ระยอง และสุดท้ายโซนภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต ไม่เพียงบริษัทพัฒนาที่ดินเท่านั้น ธุรกิจรับสร้างบ้านก็ได้ขยายการลงทุนออกสู่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
          นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และเอคิวโฮม เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเร่งขยายสาขาให้ครบ 35 สาขาในปี 2555 นี้ โดยมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ เช่น เชียงราย ราชบุรี นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่บริการสร้างบ้านทั่วประเทศมากที่สุด
          จากการสำรวจการซื้อขายที่ดินของบริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงครึ่งปีหลัง 2555 นี้ พบว่า ราคาการซื้อขายที่ดินจะมีแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยพิจารณาเปรียบเทียบการซื้อขายจริงกับราคาประเมินที่ดินฉบับใหม่ที่ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยราคาซื้อขายสูงสุดที่เกิดขึ้นจริงนั้น จะอยู่ในย่านถนนเพลินจิต และถนนวิทยุ ซึ่งจะมีราคาเฉลี่ยที่ประมาณตารางวา (ตร.ว.) ละ 1.5 ล้านบาท จากราคาประเมินเดิมอยู่ที่ประมาณ 8 แสนบาท รองลงมา คือ ถนนพระราม 1 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ ตร.ว.ละ 1.4 ล้านบาท จากราคาประเมินเดิมอยู่ที่ประมาณ 8 แสนบาท
          ส่วนอันดับ 3 เป็นย่านถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านที่มีราคาประเมินที่ดินสูงสุดถึงตร.ว.ละ 8.5 แสน และย่านราชดำริ ราคาประเมินอยู่ที่ ตร.ว.ละ 8 แสนบาท แต่ราคาซื้อขายที่ดินจริงกลับเฉลี่ยอยู่ที่ตร.ว.ละ 1.2 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าราคาซื้อขายจริงในตลาดนั้น ได้ปรับสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากราคาประเมินที่ดินที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และเป็นราคาที่สูงเกินความจริง โดยราคาซื้อขายที่ดินดังกล่าว เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้ต้นทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นมาก
ที่มา : สยามธุรกิจ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น