จากค่าเดินทาง
ค่าเสียเวลาในการเข้าไปทำธุรกรรม ตัดภาระมาจ่ายแค่ค่าธรรมเนียม ก็สร้างรายได้ หลัก
10 ล้านบาทต่อปีของผู้ประกอบการรายนี้
และสร้างรายได้หลักหมื่นถึงหลักแสน
ต่อเดือนแก่ผู้ที่เห็นโอกาสกับธุรกิจรับชำระค่าบริการซุปเปอร์เอส เซ็นเตอร์
จุดอ่อน ซ่อนโอกาส
นายศุภชัย นิลวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ เอส เซ็นเตอร์ จำกัด เผยถึงบริการหลัก ๆ ของซุปเปอร์ เอสฯ ประกอบด้วย 1.บริการชำระค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่างวดรถ ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น 2.บริการโอนเงินไปยังธนาคารต่าง ๆ และ 3.บริการรับ-ส่งไปรษณีย์ต่าง ๆ ซึ่งบริการดังกล่าวครอบคลุมการบริการชำระเงินกว่า 500 รายการ โดยเจาะกลุ่มพื้นที่ชุมชน หมู่บ้านในต่างจังหวัดที่ห่างไกลธนาคารหรือไปรษณีย์ ชูจุดขายบริการดี รวดเร็ว เชื่อถือได้ มีสาขาในปัจจุบัน 150 สาขาทั่วประเทศ
โดยมองว่ามีพื้นที่อีกมากมายที่หน่วยงาน หรือสถานบริการของเอกชนที่จะเข้าไปให้บริการในการชำระเงินต่าง ๆ ยังเข้าไปไม่ถึงหมู่บ้านชุมชนที่ห่างไกล เพราะการลงทุนที่สูง ความเสี่ยงของจำนวนผู้มาใช้บริการอาจไม่มากพอ จึงจับจุดคนในพื้นที่ที่มีอาคารอยู่แล้ว เพิ่มมาตรฐานบริการด้วยการทำงานที่เป็นระบบ คือ มีซอฟต์แวร์ที่จะใช้ในการปฏิบัติการโอนเงินด้วยระบบออนไลน์ มีระบบบัญชีที่แน่นหนา ตกแต่งหน้าร้านสวยงาม และเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง สร้างความน่าเชื่อถือสำหรับ ผู้มาใช้บริการ
"ซุปเปอร์เอสฯ แฟรนไชส์เป็นการ เชื่อมโยงการทำธุรกรรมในหลาย ๆ ที่มารวมอยู่ในที่เดียวกัน โดยมีซอฟต์แวร์ที่ทางบริษัทร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คิดขึ้นมาสำหรับการบริหารงานหน้าร้านโดยเฉพาะของแฟรนไชส์ซุปเปอร์เอสฯ ขึ้นมา จุดเด่นคือใช้คนทำงานน้อย และพร้อมที่จะทำหลาย ๆ ธุรกรรมในที่ เดียวกัน
เป้าอีสาน 50 สาขาปีหน้า
นายศุภชัยกล่าวว่า ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 150 สาขา โดยในปีแรกขยายสาขาอยู่ที่ 10 สาขา/ปี และเมื่อปีที่ผ่านมา ธุรกิจเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงมีการขยายสาขา เพิ่มเป็น 30 สาขา/ปี และในปี 2557 ตั้งเป้าขยายออกเป็น 30-50 สาขา/ปี เฉพาะภาคอีสานจะมีการขยายเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20 สาขา
"ปีหน้าเราเน้นรุกตลาดภาคอีสาน เป็นหลัก เรามองว่ายังมีที่ว่างอีกมาก คือมีจำนวนประชากรหนาแน่น มีรายจ่าย ต่อครัวเรือนสูง แต่ยังไม่มีผู้ให้บริการเข้าไปลงทุน"
นอกจากนี้ จะมีการตั้ง "ศูนย์เรียนรู้ธุรกิจซุปเปอร์เอสฯ" อีก 3 ศูนย์ภายใน ปีหน้า อยู่ระหว่างการหาผู้ประกอบการที่สนใจ ขณะที่เดิมมีอยู่แล้วที่ จ.ขอนแก่น เชียงราย กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช ซึ่ง "ศูนย์เรียนรู้ธุรกิจฯ" เป็นกลไกหลัก ทำหน้าที่อบรมเกี่ยวกับการทำธุรกิจในต่างจังหวัด
ที่ผ่านมา แฟรนไชซีกว่า 70% เกิดจาก การผลักดันของศูนย์เรียนรู้ฯเหล่านี้
"ในการขยายแฟรนไชส์จะคำนึงถึง ความพร้อมของพื้นที่ และทัศนคติที่มี ต่องานบริการ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาที่ ผู้ประกอบการไม่สามารถรักษาธุรกิจต่อไปได้ เช่น นำสินค้ามาวางขายบดบังหน้าร้าน หรือการเปิด-ปิดร้านตามใจชอบ ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่เชื่อถือแบรนด์ และอาจส่ง ผลกระทบต่อร้านได้ ซึ่งเราต้องการ ผู้ประกอบการที่มีใจรักและรักงานบริการจริง ๆ"
เพิ่มไลน์ตอบโจทย์มากขึ้น
นายศุภชัยยังกล่าวว่า การขยายสาขายังเน้นการสร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็ง
ให้กับสาขาด้วย เช่น จะทำอย่างไรให้
แฟรนไชซีหรือสาขามีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยในปีหน้าจะเน้นการขยายสาขาควบคู่ไปกับธุรกิจเสริมอีก 3 ธุรกิจ คือ จำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับอาชีพ, สินค้าเพื่อสุขภาพ และร้านกาแฟ แบรนด์เอส คอฟฟี่
สำหรับการจำหน่ายหนังสือและสินค้าสุขภาพจะเพิ่มให้ ผู้ประกอบการที่ซื้อแฟรนไชส์ใน ปีหน้า ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และทางซุปเปอร์เอสฯจะเพิ่มในส่วนของชั้นวางไปให้ และหากสินค้าขายไม่ได้ก็สามารถคืนสินค้าได้ โดย ผู้ประกอบการจะได้กำไรจากการ ขายสินค้าดังกล่าว 15-30% ขณะที่ ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มเงินทุนอีก 35,000 บาทในการซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟ
ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากการขายแฟรนไชส์ 90% รวมทั้งรายได้จากการหักค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากศูนย์ และสาขา นายศุภชัยมีรายได้ต่อปีราว 10 ล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับเอสเอ็มอีรายเล็ก ๆ ช่องทางที่ใครมองว่าไม่น่าทำได้ หากคิดปรับใช้ต่อยอดจากธุรกิจรายใหญ่ที่เข้าไปไม่ถึง และตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ คือหัวใจการเติบโตของธุรกิจรายนี้
เงื่อนไขแฟรนไชส์ Super S
ธุรกิจ ซุปเปอร์ เอส แฟรนไชส์ มี ค่าแฟรนไชส์ รายละ 350,000 - 700,000 บาท และจะมีการต่อสัญญาแบบปีต่อปี คิดปีละ 7,500 บาท และการแบ่งค่าธรรมเนียมในการใช้บริการของแฟรนไชส์ซีที่จะต้องโอนมาที่ส่วนกลางซึ่งแฟรนไชส์แต่ละสาขาต้องโอนรายการมาอย่างน้อย 15 รายการจาก 500 รายการที่มีอยู่
โดยแฟรนไชซีจะได้ 70% ของค่าธรรมเนียม และซุปเปอร์เอสฯ ได้ 30%
ค่าธรรมเนียมจะเริ่มตั้งแต่ 10 บาท ไปจนถึง 60 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทแฟรนไชซี จะมีรายได้เดือนละหลักหมื่นจนถึงแสน
ศูนย์เรียนรู้ธุรกิจฯ ให้คำแนะนำ ผู้ประกอบการรายใหม่ ยังได้เงินจากการจัดอบรม- เสวนา รวมถึงค่าคอมมิสชั่นจากการหาแฟรนไชส์เพิ่มอีกด้วย
โดยปัจจุบันมี 4 ศูนย์ทั่วประเทศ กระจายทั่วภูมิภาคต่าง ๆ คือ นครศรีธรรมราช, กาญจนบุรี, เชียงราย และขอนแก่นที่กำลังจะเปิดในปีหน้า
ภูมิภาคที่มีจำนวนสาขาสูงสุดอยู่ที่ภาคใต้ จำนวน 90 สาขา ใน 7 จังหวัด รองลงมาคือ ภาคกลาง 40 สาขา ใน 3 จังหวัด ภาคเหนือ 10 สาขา ใน 4 จังหวัด และภาคอีสานอีก 10 สาขา ใน 6 จังหวัด
จุดอ่อน ซ่อนโอกาส
นายศุภชัย นิลวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ เอส เซ็นเตอร์ จำกัด เผยถึงบริการหลัก ๆ ของซุปเปอร์ เอสฯ ประกอบด้วย 1.บริการชำระค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่างวดรถ ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น 2.บริการโอนเงินไปยังธนาคารต่าง ๆ และ 3.บริการรับ-ส่งไปรษณีย์ต่าง ๆ ซึ่งบริการดังกล่าวครอบคลุมการบริการชำระเงินกว่า 500 รายการ โดยเจาะกลุ่มพื้นที่ชุมชน หมู่บ้านในต่างจังหวัดที่ห่างไกลธนาคารหรือไปรษณีย์ ชูจุดขายบริการดี รวดเร็ว เชื่อถือได้ มีสาขาในปัจจุบัน 150 สาขาทั่วประเทศ
โดยมองว่ามีพื้นที่อีกมากมายที่หน่วยงาน หรือสถานบริการของเอกชนที่จะเข้าไปให้บริการในการชำระเงินต่าง ๆ ยังเข้าไปไม่ถึงหมู่บ้านชุมชนที่ห่างไกล เพราะการลงทุนที่สูง ความเสี่ยงของจำนวนผู้มาใช้บริการอาจไม่มากพอ จึงจับจุดคนในพื้นที่ที่มีอาคารอยู่แล้ว เพิ่มมาตรฐานบริการด้วยการทำงานที่เป็นระบบ คือ มีซอฟต์แวร์ที่จะใช้ในการปฏิบัติการโอนเงินด้วยระบบออนไลน์ มีระบบบัญชีที่แน่นหนา ตกแต่งหน้าร้านสวยงาม และเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง สร้างความน่าเชื่อถือสำหรับ ผู้มาใช้บริการ
"ซุปเปอร์เอสฯ แฟรนไชส์เป็นการ เชื่อมโยงการทำธุรกรรมในหลาย ๆ ที่มารวมอยู่ในที่เดียวกัน โดยมีซอฟต์แวร์ที่ทางบริษัทร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คิดขึ้นมาสำหรับการบริหารงานหน้าร้านโดยเฉพาะของแฟรนไชส์ซุปเปอร์เอสฯ ขึ้นมา จุดเด่นคือใช้คนทำงานน้อย และพร้อมที่จะทำหลาย ๆ ธุรกรรมในที่ เดียวกัน
เป้าอีสาน 50 สาขาปีหน้า
นายศุภชัยกล่าวว่า ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 150 สาขา โดยในปีแรกขยายสาขาอยู่ที่ 10 สาขา/ปี และเมื่อปีที่ผ่านมา ธุรกิจเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงมีการขยายสาขา เพิ่มเป็น 30 สาขา/ปี และในปี 2557 ตั้งเป้าขยายออกเป็น 30-50 สาขา/ปี เฉพาะภาคอีสานจะมีการขยายเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20 สาขา
"ปีหน้าเราเน้นรุกตลาดภาคอีสาน เป็นหลัก เรามองว่ายังมีที่ว่างอีกมาก คือมีจำนวนประชากรหนาแน่น มีรายจ่าย ต่อครัวเรือนสูง แต่ยังไม่มีผู้ให้บริการเข้าไปลงทุน"
นอกจากนี้ จะมีการตั้ง "ศูนย์เรียนรู้ธุรกิจซุปเปอร์เอสฯ" อีก 3 ศูนย์ภายใน ปีหน้า อยู่ระหว่างการหาผู้ประกอบการที่สนใจ ขณะที่เดิมมีอยู่แล้วที่ จ.ขอนแก่น เชียงราย กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช ซึ่ง "ศูนย์เรียนรู้ธุรกิจฯ" เป็นกลไกหลัก ทำหน้าที่อบรมเกี่ยวกับการทำธุรกิจในต่างจังหวัด
ที่ผ่านมา แฟรนไชซีกว่า 70% เกิดจาก การผลักดันของศูนย์เรียนรู้ฯเหล่านี้
"ในการขยายแฟรนไชส์จะคำนึงถึง ความพร้อมของพื้นที่ และทัศนคติที่มี ต่องานบริการ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาที่ ผู้ประกอบการไม่สามารถรักษาธุรกิจต่อไปได้ เช่น นำสินค้ามาวางขายบดบังหน้าร้าน หรือการเปิด-ปิดร้านตามใจชอบ ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่เชื่อถือแบรนด์ และอาจส่ง ผลกระทบต่อร้านได้ ซึ่งเราต้องการ ผู้ประกอบการที่มีใจรักและรักงานบริการจริง ๆ"
เพิ่มไลน์ตอบโจทย์มากขึ้น
นายศุภชัยยังกล่าวว่า การขยายสาขายังเน้นการสร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็ง
ให้กับสาขาด้วย เช่น จะทำอย่างไรให้
แฟรนไชซีหรือสาขามีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยในปีหน้าจะเน้นการขยายสาขาควบคู่ไปกับธุรกิจเสริมอีก 3 ธุรกิจ คือ จำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับอาชีพ, สินค้าเพื่อสุขภาพ และร้านกาแฟ แบรนด์เอส คอฟฟี่
สำหรับการจำหน่ายหนังสือและสินค้าสุขภาพจะเพิ่มให้ ผู้ประกอบการที่ซื้อแฟรนไชส์ใน ปีหน้า ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และทางซุปเปอร์เอสฯจะเพิ่มในส่วนของชั้นวางไปให้ และหากสินค้าขายไม่ได้ก็สามารถคืนสินค้าได้ โดย ผู้ประกอบการจะได้กำไรจากการ ขายสินค้าดังกล่าว 15-30% ขณะที่ ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มเงินทุนอีก 35,000 บาทในการซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟ
ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากการขายแฟรนไชส์ 90% รวมทั้งรายได้จากการหักค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากศูนย์ และสาขา นายศุภชัยมีรายได้ต่อปีราว 10 ล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับเอสเอ็มอีรายเล็ก ๆ ช่องทางที่ใครมองว่าไม่น่าทำได้ หากคิดปรับใช้ต่อยอดจากธุรกิจรายใหญ่ที่เข้าไปไม่ถึง และตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ คือหัวใจการเติบโตของธุรกิจรายนี้
เงื่อนไขแฟรนไชส์ Super S
ธุรกิจ ซุปเปอร์ เอส แฟรนไชส์ มี ค่าแฟรนไชส์ รายละ 350,000 - 700,000 บาท และจะมีการต่อสัญญาแบบปีต่อปี คิดปีละ 7,500 บาท และการแบ่งค่าธรรมเนียมในการใช้บริการของแฟรนไชส์ซีที่จะต้องโอนมาที่ส่วนกลางซึ่งแฟรนไชส์แต่ละสาขาต้องโอนรายการมาอย่างน้อย 15 รายการจาก 500 รายการที่มีอยู่
โดยแฟรนไชซีจะได้ 70% ของค่าธรรมเนียม และซุปเปอร์เอสฯ ได้ 30%
ค่าธรรมเนียมจะเริ่มตั้งแต่ 10 บาท ไปจนถึง 60 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทแฟรนไชซี จะมีรายได้เดือนละหลักหมื่นจนถึงแสน
ศูนย์เรียนรู้ธุรกิจฯ ให้คำแนะนำ ผู้ประกอบการรายใหม่ ยังได้เงินจากการจัดอบรม- เสวนา รวมถึงค่าคอมมิสชั่นจากการหาแฟรนไชส์เพิ่มอีกด้วย
โดยปัจจุบันมี 4 ศูนย์ทั่วประเทศ กระจายทั่วภูมิภาคต่าง ๆ คือ นครศรีธรรมราช, กาญจนบุรี, เชียงราย และขอนแก่นที่กำลังจะเปิดในปีหน้า
ภูมิภาคที่มีจำนวนสาขาสูงสุดอยู่ที่ภาคใต้ จำนวน 90 สาขา ใน 7 จังหวัด รองลงมาคือ ภาคกลาง 40 สาขา ใน 3 จังหวัด ภาคเหนือ 10 สาขา ใน 4 จังหวัด และภาคอีสานอีก 10 สาขา ใน 6 จังหวัด
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น