วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

ลอจิสติกส์ไทยส่งสัญญาณรุ่งยาวรายใหญ่แห่ออกโปรโมชั่นหนุนส่งออก


           แนวโน้มลอจิสติกส์ในไทยปีนี้ยังเติบโตจากปีที่ผ่านมา ด้วย 3 ปัจจัยใหญ่ คือ 1.โตตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี2556 จะโตไม่น้อยกว่า 5% ทั้งนี้ตลาดลอจิสติกส์ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท 2.ผลจากนโยบายรัฐบาลที่ทุ่มงบประมาณลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจอาทิ โครงการรับจำนำข้าว และ 3.ผลการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ที่จะมาถึงในอีก 2 ปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวทั้งในเรื่องการเพิ่มและการขยายกิจการ
          ด้านบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด(ปณท.) เร่งขยายพื้นที่สาขาเพื่อให้สามารถรองรับสินค้ามากขึ้น โดย "ปริษา ปานะนนท์"ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ปณท.กล่าวว่า การเปิดเพิ่มพื้นที่ปลายทางให้บริการลอจิสโพสต์เวิลด์ส่งของใหญ่ระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการแก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ส่งออกสินค้าขนาดใหญ่ หรือส่งออกสินค้าคราวละมากๆ น้ำหนักตั้งแต่20 - 200 กก. อาทิ สินค้าโอท็อป เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ ไปยังต่างประเทศได้อย่างครอบคลุมทั่วโลก ไปรษณีย์ไทยจึงได้กำหนดประเทศปลายทางเพิ่มเติมอีก 25 ประเทศ จากเดิมที่เปิดนำร่องให้บริการไปแล้วในระยะแรก 7 ประเทศ รวมเป็น 32 ประเทศ อาทิ เวียดนาม เกาหลีใต้ สิงคโปร์ฮ่องกง ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี อิตาลีแคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์เป็นต้น
          ทั้งนี้ จะใช้ระบบขนส่งทางอากาศที่ได้มาตรฐานสากลส่งถึงปลายทางภายใน 7-10 วันทำการ โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะสิ่งของผ่านระบบ track&trace ได้ตลอด 24 ชม. ผ่านทางเว็บไซต์www.thailandpost.co.th อัตราค่าบริการคิดตามน้ำหนักและพื้นที่ปลายทางนอกจากนี้ ยังสามารถใช้บริการรับประกันเพิ่มเติมวงเงินได้ ติดต่อขอใช้บริการได้ ณที่ทำการไปรษณีย์ 82 แห่งทั่วประเทศ อาทิหลักสี่ ตลิ่งชัน สมุทรปราการ ราชดำเนินบางพลี บางบัวทอง ปทุมธานี สระบุรี ชลบุรีบางปะกง อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ลำพูน สมุทรสาคร ภูเก็ต สงขลา เป็นต้น
          นางปริษา กล่าวต่อว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปณท.มุ่งมั่นพัฒนาบริการเพื่อสนองตอบทุกความต้องการในการส่งอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและตรงความต้องการมากที่สุด ซึ่งในปีนี้ลอจิสโพสต์เวิลด์ส่งของใหญ่ระหว่างประเทศได้ขยายประเทศให้บริการปลายทางเป็น 32 ประเทศทั่วโลก รองรับความต้องการส่งของที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงการส่งออกสินค้าระหว่างประเทศรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการลอจิสโพสต์เวิลด์ส่งของใหญ่ระหว่างประเทศตั้งแต่วันนี้ -15 มีนาคม 2556 จะได้รับส่วนลด 10%ต่อชิ้นทันทีที่ใช้บริการ
          ส่วนยักษ์ขนส่งด่วนต่างชาติอย่าง"ดีเอชแอล" ได้ผนึกกับธนาคารกสิกรไทยและวีซ่า ประเทศไทย มอบส่วนลดค่าบริการ30% เพื่อเอาใจธุรกิจเอสเอ็มอีไทย โดย"ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์" กรรมการผู้จัดการ ดีเอช แอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า ในปี 2556 นี้ ตลาด ลอจิสติกส์ในไทยมีการเติบโตสูงกว่าที่ผ่านๆ   มา ส่งผลให้มีความต้องการบริการที่มาก  กว่าการขนส่งและจัดเก็บสินค้าและพัสดุ สำหรับธุรกิจ SMEs ชั้นนำนั้น แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาวะการทำงานที่มีความท้าทาย แต่ก็สามารถปรับตัวได้ดี และเดินหน้าลงทุนสร้างกิจกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ดีเอชแอลจึงได้ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่างๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจSMEs
          "ดีเอชแอล ได้ขยายการเป็นพันธมิตรกับธุรกิจ SMEs ในไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนธุรกิจ  SMEs ที่ต้องเผชิญกับสภาวะการติดต่อค้าขายที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวันปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs เกิดขึ้นใหม่มากกว่า 1.43 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 54 ของตลาด  SMEs ทั้งหมด การเข้าถึงเงินกู้ฉุกเฉินด้วยต้นทุนต่ำ และการมีขีดความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานเป็นสิ่งที่ผู้เริ่มต้นธุรกิจ SMEs หน้าใหม่ให้ความสำคัญสูงสุด ดังนั้น การผนึกกำลังร่วมกันระหว่างดีเอชแอล ธนาคารกสิกรไทย
          และวีซ่าในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายต่อธุรกิจSMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมและบริหารต้นทุนโดยจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ประหยัดต้นทุนในการขยายตลาดไปต่างประเทศได้มากขึ้น"
          สำหรับ  'ยูพีเอส' นั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เปิดตัวบริการ UPS Worldwide Express Freight SM บริการเฟรทด่วนทางอากาศใหม่ สำหรับการขนส่งพัสดุที่มีมูลค่าสูง น้ำหนักมาก ซึ่งต้องการความเร่งด่วนเป็นพิเศษ โดย"มร.เบรนแดนคานาแวน" ประธานยูพีเอส เอเชีย แปซิฟิกกล่าวว่า ลูกค้าสามารถส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม หรือ 150 ปอนด์ได้อย่างสะดวกสบายผ่านเครือข่ายทางอากาศของยูพีเอส จากต้นทาง 37 แห่งสู่จุดหมายปลายทางใน 41 ประเทศ และเขตการปกครอง ซึ่งบริการดังกล่าวนับเป็นบริการแบบ door-to-door ภายในวันกำหนดที่รวดเร็วที่สุดในปัจจุบัน สามารถส่งพัสดุภายในเอเชียได้ภายใน 1-3 วันทำการ ขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทาง
          ขณะที่ ค่าย "เฟดเอ็กซ์" ก็เพิ่งเปิดตัวเฟดเอ็กซ์ โมบายล์ แอพพลิเคชั่นเต็มรูปแบบบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้การขนส่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาและง่ายขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยได้ขยับขยายครอบคลุมถึง 206 ประเทศ และ 25 ภาษา สามารถใช้งานได้ในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 30 ประเทศ นอกจากนั้น ผู้ใช้ไอแพด และแอนดรอยด์ TM ยังสามารถใช้งานแอพเฟดเอ็กซ์ โมโมบายล์ ผ่านอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย  ซึ่งการปรับปรุงเพิ่มเติมครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับชุดโซลูชั่นบนโทรศัพท์มือถือครั้งสำคัญโดยลูกค้าสามารถตรวจสอบอัตราค่าบริการ การติดตามสถานะการขนส่ง กำหนดเวลารับพัสดุ ค้นหาสถานที่ตั้งโดยใช้ฟังก์ชั่น"ค้นหาใกล้บ้าน"เพื่อค้นหาเฟดเอ็กซ์ ดรอป บ็อกซ์ ศูนย์บริการเฟดเอกซ์ เวิลด์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์หรือเฟดเอ็กซ์ ออฟฟิศ ใกล้บ้านคุณ โดยยึดจากตำแหน่งของคุณบนจีพีเอส
ที่มา : สยามธุรกิจ 


กสิกรไทยตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ปี 56โต 12.8%


      นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจการเกษตร เฟอร์นิเจอร์ไม้ สิ่งทอ และพลาสติก ที่ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ทั้งนี้ มีหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวค่อนข้างรุนแรง อาทิ จังหวัดในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
          ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจึงได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบัน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การแบ่งเบาภาระทางการเงิน ให้ลูกค้าสามารถพักชำระเงินต้นได้ 6 เดือน (Grace Period) เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาในการปรับตัวจากต้นทุนค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มเงินทุนให้กับธุรกิจ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อใช้ในธุรกิจ ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนที่มีอยู่ และการสนับสนุนสินเชื่อการลงทุนด้านเครื่องจักรเพื่อทดแทนการใช้แรงงานบางส่วน โดยลูกค้าสามารถผ่อนชำระแบบบอลลูนได้ ให้สามารถผ่อนน้อยในช่วงแรกและไปผ่อนมากในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้น
          นอกจากนั้นธนาคารฯ ยังเตรียมรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้นักธุรกิจภูมิภาคสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบเพิ่มมากขึ้น พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการ 3 ด้าน ได้แก่ เงินทุน องค์ความรู้ และการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายธุรกิจ อาทิ การจัดสัมมนา การจับคู่ธุรกิจให้ลูกค้าในต่างจังหวัดได้มีโอกาสพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนทางธุรกิจ
          สำหรับการรุกตลาดต่างจังหวัดด้วยกลยุทธ์การตลาดท้องถิ่น ได้กำหนดจังหวัดยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพใน 5 ภาค รวม 31 จังหวัด ภาคเหนือ ได้แก่เชียงใหม่ เชียงราย ตาก พิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา
ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี สกลนคร ร้อยเอ็ด ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานีภูเก็ต สงขลา ชุมพร นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง ภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรีฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ภาคกลาง ได้แก่ อยุธยา สมุทรสาครสุพรรณบุรี นครปฐม อุทัยธานี เพชรบุรี นครสวรรค์ ลพบุรี และราชบุรี
          นายพัชรกล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในปี 2555 สายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ (เอสเอ็มอี) ของธนาคารกสิกรไทย มีการเติบโตสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของตลาดสินเชื่อรวม โดยครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 30% มียอดรายได้รวมอยู่ที่ 31,182 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 13.7% ยอดสินเชื่ออยู่ที่ 468,301 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนในปี 2556 ธนาคารฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 35,095 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น12.6 % สินเชื่ออยู่ที่ 528,420 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 12.8% และเพิ่มดัชนีความพึงพอใจในบริการจากระดับ 77 เป็น 79 ภายในสิ้นปี 2556
ที่มา : พิมพ์ไทย

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

อินโดนีเซียน่าลงทุน มข.ชี้ตลาดใหญ่-ค่าแรงต่ำ


             ดร.ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ อาจารย์ประจำวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (กสท.) ได้จัดกิจกรรมการศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) ไปเมื่อวันก่อน โดยกิจกรรมประกอบด้วย การสัมมนาศักยภาพและโอกาสการลงทุนในอินโดนีเซีย การศึกษาดูงานโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม และการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจในอินโดนีเซีย ทั้งนี้ มีนักลงทุนไทยจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร การเกษตร ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงานและสาธารณูปโภค ฯลฯ เป็นต้น เข้าร่วมกิจกรรมการศึกษาลู่ทางการลงทุนในครั้งนี้จำนวน 48 กิจการ
          ดร.ศักดิ์ดา กล่าวถึงความน่าสนใจด้านการค้าและการลงทุนของประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพและเป็นเป้าหมายในการลงทุนของนักลงทุนไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากการที่มีประชากรจำนวนมากกว่า 240 ล้านคน และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน อินโดนีเซียจึงกลายเป็นทั้งตลาดบริโภคขนาดใหญ่และแหล่งผลิตสินค้าและบริการที่ยังมีค่าจ้างแรงงานในระดับต่ำ นอกจากนี้ ความมีเสถียรภาพทางการเมือง รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศให้เป็นสากลมากขึ้น
          "การที่ประเทศมีความหลากหลายทางภูมิประเทศและทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ตลอดจนความสามารถในการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นกว่าหลายประเทศในภูมิภาคนี้ จึงเสริมให้ประเทศอินโดนีเซียมีความโดดเด่นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก แม้ว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมีการลงทุนในประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซียยังไม่มากนัก แต่การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและ กสท. เชื่อว่าจะสามารถสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเห็นโอกาสการขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียได้เพิ่มมากขึ้น" ดร.ศักดิ์ดา กล่าว\
ที่มา : บ้านเมือง 

บลูสโคปฯ รุกตลาดเมทัลชีตอีสาน


             นายวรพล อังศุลาพิวัฒน์ รองประธาน ฝ่ายขาย บริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทร่วมทุนไทย-ออสเตรเลีย ผู้ผลิตเหล็กและเมทัลชีต กล่าวว่า บริษัทมีตัวแทนจำหน่าย 4 รายอยู่ในกรุงเทพฯ โดยสั่งซื้อสินค้ามาจากโรงงานที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง และกระจายสินค้าไปสู่ตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัด ปัจจุบันโรงงานที่มาบตาพุดมีกำลังการผลิตโดยรวมปีละ 380,000 ตัน
          ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินสายเปิดตัวในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ พิษณุโลก เชียงใหม่ อุบลราชธานี นครราชสีมา 
ขอนแก่น และอุดรธานี รวมถึง สปป.ลาว ด้วย โดยเฉพาะภาคอีสาน บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 60% และเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรวมทั้งประเทศ สำหรับจังหวัดอุดรธานีถือเป็นประตูผ่านไป สปป.ลาว ฉะนั้นสินค้าบางส่วนจะข้ามไปฝั่ง สปป.ลาวด้วย
          "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคอีสานเติบโตไปเร็วมาก ดีเวลอปเปอร์ใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯเริ่มขยับเข้ามาในภาคอีสาน ตลาดเมทัลชีตจึงมีโอกาสเติบโตสูงมาก เพราะมีประชากร 1 ใน 3 ของประเทศไทย ประมาณ 20 ล้านคน ในอนาคต ถ้าจะเพิ่มดีลเลอร์ จะเพิ่มที่อีสานเป็นหลัก"
          สำหรับแนวโน้มการขึ้นราคาของเหล็กนั้น เนื่องจากสินค้าเพิ่งออกสู่ตลาดได้ปีเศษ และกลางปีที่ผ่านมาราคาผันผวนสูงมาก มีความเป็นไปได้สูงที่จะขยับราคาในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เนื่องจากต้นทุนการผลิต สูงขึ้น ทั้งวัตถุดิบ ค่าไฟฟ้า และเชื้อเพลิงที่ใช้ถลุงเหล็ก ซึ่งในกลุ่มเออีซี ประเทศไทยมีความต้องการใช้เหล็กมากที่สุดถึงปีละประมาณ 15 ล้านตัน และมีอัตราการเติบโตราว 10%
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมฉลองตรุษจีนขอนแก่น แกรนด์ เอ็กซ์โป


 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมฉลองอภิมหาตรุษจีนครั้งยิ่งใหญ่ เมืองหลวงแดนอีสาน "ตรุษจีนขอนแก่น กรนด์ เอ็กซ์โป 2013" พร้อมโชว์สุดอลังการมากมายครั้งแรกจากประเทศจีน วันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ศูนย์การประชุมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น
          เนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน(เมืองเซี๊ยเหมย)และจังหวัดขอนแก่นได้มีพิธีลงนามความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้อง(SisterCity)เมื่อปีพ.ศ.2555พร้อมกันนี้ประเทศจีนได้มาจัดตั้งสถานกงศุลใหญ่สัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้อง(SisterCity)เมื่อปีพ.ศ.2555พร้อมกันนี้ประเทศจีนได้มาจัดตั้งสถานกงศุลใหญ่ประจำจังหวัดขอนแก่นเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องและให้ประชาชนจังหวัดขอนแก่นได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเทศจีนอันจะนาไปสู่ความร่วมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนและด้านอื่นๆต่อไปจึงได้จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนของจังหวัดขอนแก่น"ตรุษจีนขอนแก่น แกรนด์ เอ็กซ์โป 2013"ให้เป็นเทศกาลตรุษจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสานต่อไป
          วัตถุประสงค์การจัดงาน"ตรุษจีนขอนแก่นแกรนด์เอ็กซ์โป2013"เพื่อสร้างความสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่นกับประเทศจีนโดยการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในปี2556ให้เป็นงานตรุษจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคอีสานเพื่อแสดงศักยภาพจังหวัดขอนแก่นสาหรับการเป็นเมืองหลวงของภาคอีสานภายใต้งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ"ขอนแก่นมหานคร"เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมของจังหวัดขอนแก่นให้เป็นที่ยอมรับและต้องการของนักลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่นและประชาชนชาวไทยทั่วประเทศตลอดจนประชาชนทั่วโลกได้รู้จักจังหวัดขอนแก่นเพิ่มมากยิ่งขึ้นและเพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่นได้เรียนรู้และรู้จักวัฒนธรรมจีนซึ่งจะนาไปสู่การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสาหรับการดารงชีวิตแห่งโลกอนาคตนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น"ตรุษจีนขอนแก่นแกรนด์เอ็กซ์โป2013"ครั้งนี้กล่าวว่าตรุษจีนขอนแก่นแกรนด์เอ็กซ์โป2013เป็นงานจัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนสนับสนุนผู้ประกอบการในการหาตลาดเพิ่มศักยภาพเตรียมตัวก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยจีนงานครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงงานมหกรรมแสดงสินค้าเทศกาลตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์2556คาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชากรในจังหวัดขอนแก่นกาฬสินธุ์มหาสารคามชัยภูมิหนองบัวลำพูอุดรธานีและประเทศเพื่อนบ้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวรวมทั้งประเทศต่างๆ
          ภายในงาน"ตรุษจีนขอนแก่นแกรนด์เอ็กซ์โป2013"วันที่9-13กุมภาพันธ์2556ณศูนย์การประชุมกาญจนาภิเษกมหาวิทยาลัยขอนแก่นจังหวัดขอนแก่นพบการแสดงครั้งแรกในเมืองไทยสุดอลังการตื่นตากับกายกรรมสามมิติจากปักกิ่งและเฉินตูครั้งแรกในเมืองไทยท่องเที่ยวธรรมชาติและมรดกเมืองจีนกับโรงหนัง5มิติขนาดใหญ่ชมและเชียร์การประกวดมิสกี่เพ้าแห่งประเทศไทยการแสดงวัฒนธรรมสองแผ่นดินไทย-จีนและพร้อมชมการแสดงจากศิลปินมากมายตลอดงานอีกทั้งการเปิดตัวเมืองหลวงแดนอีสาน"ขอนแก่นมหานคร"งานแสดงศักยภาพจังหวัดขอนแก่นสินค้าไอทีแบรนด์ดังกว่า100ร้านค้าสินค้าOTOPระดับห้าดาวสินค้าเพื่อการเกษตรราคาถูกและมหกรรมธงฟ้าราคาถูก
          ภายใต้ความร่วมมือจากหลายฝ่ายได้แก่กลุ่มภาคีความร่วมมือมหาวิทยาลัยขอนแก่นสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นหอการค้าจังหวัดขอนแก่นสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยขอนแก่นชมรมธนาคารจังหวัดขอนแก่นสมาคมการโรงแรมและการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่นสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจังหวัดขอนแก่นธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อการขับเคลื่อนจังหวัดขอนแก่นให้เป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมของประเทศไทยเพื่อการขับเคลื่อนจังหวัดขอนแก่นให้เป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมของภาคอีสานตลอดจนศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน2558ภายใต้ศักยภาพอย่างรอบด้านที่ชาวจังหวัดของแก่นมีเทียบเท่าเมืองหลวงของประเทศทุกภาคส่วนของจังหวัดขอนแก่นจึงพร้อมใจกันจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ"ขอนแก่นมหานคร"เมืองหลวงแดนอีสานโดยโชว์ศักยภาพอย่างรอบด้านจังหวัดขอนแก่นนั้นเป็นมีความที่หนึ่งในระดับประเทศระดับเอเชียและระดับโลกหลากหลายแขนงทางสังคมและเพื่อเป็นต้นแบบของประเทศสาหรับการบูรณาการการพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 

'บีโอไอ'ชง4ทางเลือกดันทุนไทยไป 'ตปท.'


           แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (2556-2560) ของบีโอไอได้กำหนดบทบาทส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศไว้ 4 แนวทาง คือ
1.ตั้งหน่วยงานรับผิดชอบ โดยขั้นตอนการตั้งสำนักส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะพิจารณาเสร็จภายใน 2-3 เดือน
2.ให้ข้อมูลและองค์ความรู้ทั้งการเปิดหลักสูตรอบรมและให้ข้อมูลกับนักลงทุนแบบครบวงจร
3.สำรวจลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศ และ
 4.ประสานงานแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนไทย
 นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า เมื่อไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) บีโอไอจำเป็นต้องส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งบีโอไอมีแผนจะแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน เพื่อเพิ่มเครื่องมือในการส่งเสริมนักธุรกิจไทยไปลงทุนต่างประเทศด้วย
          นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การออกไปลงทุนในต่างประเทศจะช่วยบรรเทาผล กระทบจากเงินบาทแข็งค่าได้ และอยากให้บีโอไอเร่งแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้มีเครื่องมือในการกำหนดสิทธิประโยชน์จูงใจผู้ประกอบการที่ไปลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้เมื่อนำกำไรจากต่างประเทศกลับมา
ที่มา : มติชน


ชี้ไทยขาดแคลน'นักบิน'หลายหมื่นมฟล.ขยาย'ธุรกิจการบิน'รับเออีซี


        นายวันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจสายการบินมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากตัวเลขภาคการท่องเที่ยว และการขนส่งผ่านสายการบินต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น การเปิดสายการบินเพิ่มมากขึ้น ตัวเลขการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารของแต่ละสายการบินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมการบินมีความสำคัญมากขึ้น มฟล.เห็นถึงความต้องการกำลังคนในด้านนี้ จึงเปิดสอนหลักสูตรการจัดการธุรกิจการบิน สาขางานบริการการบินในปี 2551 รับนักศึกษารุ่นแรก 150 คน และในปี 2555 ได้ขยายหลักสูตรเพิ่มอีก 2 สาขาคือ สาขาการปฏิบัติการทางการบิน 50 คน และสาขาธุรกิจโลจิสติกส์ทางการบิน 150 คน มีผู้สนใจเข้าเรียนจำนวนมาก เฉลี่ยอัตราการแข่งขัน 7 ต่อ 1 จุดเด่นของหลักสูตรคือสอนเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งให้นักศึกษาได้เรียนรู้ภาษาที่สามด้วย คือจีน พม่า บาร์ฮาซา เป็นต้น โดยหลักสูตรนี้ได้รับความสนใจจากนักศึกษาต่างชาติ ทั้งภูฏาน จีน พม่า
          กัปตัน ร.อ.สอาด ศบศาสตราศร ประธานที่ปรึกษาบริษัท บางกอกเอวิเอชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ทั่วโลกยังขาดแคลนนักบินนับแสนคน และประมาณการว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า ทั่วโลกจะขาดแคลนนักบิน 3-5 แสนคน สำหรับไทยยังขาดแคลนนักบินหลายหมื่นคน แม้จะขยายการเกษียณอายุนักบินจาก 60 ปี เป็น 65 ปี ขณะที่สถาบันการศึกษาไทยที่เปิดสอนด้านนี้ ผลิตนักบินได้เฉลี่ยไม่เกิน 200 คนต่อปี ที่น่ากังวลคือไทยได้รับมอบหมายจากกลุ่มประเทศอาเซียนห้เป็นศูนย์กลางทางการบิน รวมทั้งให้เป็นหลักในการดูแลรับผิดชอบด้านอุตสาหกรรมการบิน การท่องเที่ยว รวมถึงการขนส่งทางอากาศ จึงจำเป็นต้องผลิต และเตรียมกำลังคนรองรับให้เพียงพอ
          นายสุภาพ ปูรานิธี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บางกอกเอวิเอชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนักบิน รวมถึงทำงานด้านอุตสาหกรรมการบิน จะต้องมีความชอบในงานที่ทำ มั่นใจ และมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่นสูง รวมทั้งต้องมีไหวพริบในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ที่ดี มีทักษะการสื่อสาร และการใช้ภาษาอังกฤษที่ดี
ที่มา : มติชน

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

SMEs ยุทธวิธีเศรษฐีใหม่: แนวโน้มดี-เอสเอ็มอี 8 กลุ่ม


        ผ่านปี 2555 เข้าสู่ปี 2556 ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้มีการ 'คาดการณ์เอสเอ็มอีที่มีแนวโน้มดีในปี 2556" ซึ่งในวันนี้ ณ พื้นที่ส่วนนี้ก็ได้นำมาเสนอให้พิจารณากันชัด ๆ ดังนี้.  กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในปี 2556 ได้แก่.  1. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ จากการขยายตัวของการผลิตรถยนต์ป้อนผู้สั่งจองในประเทศจากนโยบายรถคันแรก และตลาดในต่างประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยคาดว่าในปี 2556 การส่งออกรถยนต์จะขยายตัวได้มากกว่า 20% ซึ่งเอสเอ็มอีกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และผู้ให้บริการประดับยนต์ ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย
          2. กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและพลังงานทดแทน เช่น ยางและผลิตภัณฑ์จากยางพารา มีแนวโน้มดีขึ้นจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว และการร่วมมือเพื่อลดกำลังการผลิตจะทำให้ราคายางพาราดีขึ้น, พลังงานทดแทนจากพืช เนื่องจากความผันผวนของราคาน้ำมันจากปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
          3. กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์ ที่สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมการบริโภค ของคนเมือง คนชั้นกลาง และคนรุ่นใหม่ เช่น ของขวัญ ของชำร่วย สินค้าแฟชั่น สินค้าเชิงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งในประเทศไทยมีเอสเอ็มอีจำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจ
          ด้านนี้อยู่ 4.ธุรกิจในกลุ่มก่อสร้าง จะมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นในปี 2556 อันเป็นผลมาจากมาตรการลงทุน ของภาครัฐตามกรอบแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมูลค่าการลงทุนน่าจะขยายตัวได้มากกว่า  10% โดยเอสเอ็มอีที่เป็นผู้รับช่วงการผลิตจากผู้รับ เหมารายใหญ่ก็จะได้ประโยชน์   5. ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม  เป็นผลมาจากความคืบหน้าของการประมูล 3จี จะทำให้มูลค่าตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโตมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มเคเบิลและทีวีดาวเทียมที่คาดว่าจะมีปริมาณผู้รับชมในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น เพราะมีผู้ดำเนินการรายใหม่เข้ามาแข่งขัน ซึ่งก็มีเอสเอ็มอีหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้อง  เช่น กลุ่มที่พัฒนาแอพพลิเคชั่น กลุ่มผู้ผลิต digital content ผู้ผลิต computer graphic กลุ่มผู้ผลิตรายการบันเทิง เป็นต้น 6. กลุ่มการผลิตและบริการเพื่อสุขภาพและความงาม เช่น อาหารเสริม สมุนไพร เครื่องสำอาง อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ บริการด้านสุขภาพ บริการด้านความงาม เป็นต้น ซึ่งในประเทศไทยมีเอสเอ็มอีเป็นผู้ผลิตและผู้ให้บริการทางด้านนี้จำนวนมาก 7. กลุ่มธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก บริการรถรับจ้างรถเช่า เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยว และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจเอเชีย-อาเซียน และบางประเทศในยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 8. กลุ่มธุรกิจด้านสันทนาการ เนื่องจากความต้องการบริการด้านนี้ขยายตัวมากขึ้น ประกอบกับการมีลู่ทางขยายตลาดไปในเอเชียและอาเซียนมากขึ้น ธุรกิจกลุ่มนี้ ก็เช่น ภาพยนตร์ ละคร ดนตรี กีฬา ข่าวสาร สารคดี รายการทีวี และเคเบิลทีวี มีทั้งเอสเอ็มอีที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวนี้เอง และเอสเอ็มอีที่รับช่วงงานจากธุรกิจรายใหญ่ ทั้งนี้ แม้ปี 2556 นี้จะมีเอสเอ็มอีหลายกลุ่มที่มีแนวโน้มดี แต่ทางหน่วยงานที่คาดการณ์เรื่องนี้ก็ระบุไว้ด้วยว่า ในปีนี้ไทยก็ยังมีความเสี่ยงทั้งจากภายนอกประเทศ และภายในประเทศเอง เช่น ปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับค่าแรงวันละ 300 บาททั่วประเทศ รวมไปถึงการปรับขึ้นของค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า ค่าขนส่ง ซึ่งเอสเอ็มอีก็อย่าประมาท.
ที่มา : เดลินิวส์

ดึงสปป.ลาวเที่ยวอีสานเพิ่ม


          น.ส.จุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ ดูแลตลาดเวียดนาม ลาว และกัมพูชา เปิดเผยว่า ททท.เตรียมจับมือกับ ททท.สำนักงานอุดรธานี ในการโปรโมตเทศกาลท่องเที่ยวต่าง ๆ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับตลาดลาว เพื่อดึงคนลาวเดินทางมาเที่ยวไทยทางบกในเทศกาลมากขึ้น นอกจากนี้ ททท.ยังติดตามการร่วมลงทุนจาก 4 ประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนกับนักธุรกิจลาว เพื่อสร้างห้างสรรพสินค้าในเวียงจันทน์ว่าจะน่าสนใจหรือไม่ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนลาวมาไทยน้อยลง
          "ช่วงนี้ห้างสรรพสินค้ายังสร้างไม่เสร็จ ไทยควรเร่งทำตลาดดึงคนลาวมาเที่ยวก่อน โดย ททท. ตั้งเป้าหมายว่า จะมีคนลาวเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่มี 900,000 คน สำหรับแนวทางการทำตลาดที่วางไว้นอกจากจะดึงคนลาวมาเที่ยวไทยเองแล้ว จะเน้นจับมือกับตัวแทนจำหน่ายทัวร์ในลาว สนับสนุนการทำแพ็กเกจท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทย-ลาว ขายให้กับนักท่องเที่ยวจากยุโรป และอเมริกา"
          น.ส.จุฑาทิพย์ กล่าวว่า ตลาดเวียดนามที่เดินทางมาเที่ยวไทยปีนี้น่าจะเติบโต 20% จากปีที่ผ่านมาที่มี 600,000 คน50% เดินทางมาทางบก โดยททท. จะเน้นโปรโมตสินค้าใหม่ ๆ ให้คนเวียดนามรู้จักมากขึ้น เช่น แพ็กเกจท่องเที่ยวเขาใหญ่ รวมถึงแพ็กเกจท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เช่น ตลาดระดับหรู กอล์ฟ สปา และการรักษาพยาบาลเป็นต้น ส่วนตลาดกัมพูชา คาดว่า จะเติบโต 10% แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองระหว่างไทย-กัมพูชาในปีนี้ด้วย
          นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ปีนี้จำนวนคนลาวเที่ยวไทย อาจทะลุ 1 ล้านคนได้ จากปีที่ผ่านมาถึง 900,000 คน โดยตลาดลาวถือเป็นตลาดที่เติบโตสูง เพราะเศรษฐกิจลาวเติบโตดี จากการที่มีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น ทำให้คนลาวที่มีรายได้สูงขึ้น.
ที่มา : เดลินิวส์

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

งานตรุษจีนขอนแก่นยิ่งใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ-สานสัมพันธ์'ไทย-จีน'


          จัดใหญ่สุดในภาคอีสานตรุษจีนขอนแก่น อดรับการเป็นเมืองอีเวนท์ หวังสานสัมพันธ์ไทยจีนและกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัด เทงบ  50  ล้านดึงนักเที่ยวเข้าพื้นที่ พบกิจกรรมหลากหลายชมกายกรรมสามมิติจากปักกิ่งและประกวดสาวน้อยกี่เพ้า
          นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
 พร้อมกับเครือข่ายองค์กรธุรกิจหอการค้า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น  สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว สสวท. มหาวิทยาลัยขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่นและมูลนิธิรัฐประชา  ร่วมแถลงข่าวการจัดงานตรุษจีนขอนแก่น เอ็กซ์โป 2013  ที่โรงแรมโฆษะ  อ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษกมหาวิทยาลัยขอนแก่น ระหวางวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ 
          โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การจัดงานตรุษจีนขอนแก่นเอ็กซ์โป 2013 จะเป็นครั้งแรกของขอนแก่นและครั้งแรกของภาคอีสาน เพราะที่ผ่านมาในภาคอีสานยังไม่เคยเจอมีจังหวัดใดจัดกิจกรรมตรุษจีนอย่ายิ่งใหญ่มาก่อนและขอนแก่นเป็นเมืองที่พร้อมมีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางหลาย ๆ ด้านที่จะจัดกิจกรรมและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะกิจกรรมในงานตลอดทั้ง 5 วันมีหลากหลาย ทั้งสาระและการบันเทิง
          ด้านนายธีรศักดิ์ ทีฑายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า ขอนแก่นจะมีกิจกรรมอีกมากมายเพื่อให้สมกับที่จะเป็นมหานครซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่าขอนแก่นเป็นศูนย์กลางหลายด้าน ทั้งการศึกษา การแพทย์การคมนาคมและศูนย์กลางการค้าการลงทุน ซึ่งประกาศไปแล้วเมื่อวันปีใหม่ขอนแก่นคือเมืองแห่งกิจกรรมและจะมีกิจกรรมใหญ่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งเริ่มจากเคานท์ดาวน์ต่อไปจะมีกิจกรรมวันแห่งความรัก เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งงานตรุษจีนจะทำให้ความเป็นมหานครอีเวนท์สมบูรณ์และกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นด้วย
          นางสิริกร นวอิสรารักษ์ รองประธานมูลนิธิรัฐประชา ซึ่งเป็นประธานจัดงานตรุษจีนขอนแก่น เปิดเผยว่าขอนแก่นเป็นจังหวัดสำคัญของภาคอีสานและปัจจุบันเติบโตทุกด้าน มีหลายประเทศตั้งกงสุลรวมทั้งประเทศจีน วันตรุษจีนจะเป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ดีของไทยกับจีน การจัดงานครั้งนี้ใช้งบ 50 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมหลากหลายอลังการให้ชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมโดยไม่มีเป้าหมายที่กำไร เพียงต้องการให้คนขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงได้เที่ยวในขอนแก่น ตั้งเป้าให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมงานวันละ 1 หมื่นคนก็จะมีเงินหมุนเวียนไม่น้อย
          ในงานจะมีกิจกรรมเปิดบูธสินค้าจากหลายองค์กรกว่า 200 บูธ ให้เพลิดเพลินเลือกชม ร่วมกับกิจกรรมสาระบันเทิงตื่นเต้นกับกายกรรมสามมิติครั้งแรกในประเทศไทย จากปักกิ่งและเฉินตู พบกับซีมูเลเตอร์ห้ามิติขนาดใหญ่ที่สุด การประกวดสาวกี่เพ้า ชมการแสดงของศิลปินอีกมากมายสลับสับเปลี่ยนกันตลอดทั้ง 5 วัน
ที่มา : คม ชัด ลึก 

ไปรษณีย์ไทย หนุนส่งออกไทยสู่ตลาดโลก


 นางปริษา ปานะนนท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)กล่าวถึงการเปิดเพิ่มพื้นที่ปลายทางให้บริการโลจิสโพสต์เวิลด์ส่งของใหญ่ระหว่างประเทศว่า เพื่ออำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการแก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ส่งออกสินค้าขนาดใหญ่หรือส่งออกสินค้าคราวละมากๆ น้ำหนักตั้งแต่ 20 - 200 กก. อาทิ สินค้าโอทอป เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ ไปยังต่างประเทศได้อย่างครอบคลุมทั่วโลก ไปรษณีย์ไทยจึงได้กำหนดประเทศปลายทางเพิ่มเติมอีก 25 ประเทศ จากเดิมที่เปิดนำร่องให้บริการไปแล้วในระยะแรก 7 ประเทศ รวมเป็น 32 ประเทศ อาทิ เวียดนามเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่นเยอรมนี อิตาลี แคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศสสวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
          โดยใช้ระบบขนส่งทางอากาศที่ได้มาตรฐานสากล ส่งถึงปลายทางภายใน 7-10 วันทำการสามารถตรวจสอบสถานะสิ่งของ ผ่านระบบtrack&trace ได้ตลอด 24 ชม. ผ่านทางเว็บไซต์www.thailandpost.co.th อัตราค่าบริการคิดตามน้ำหนักและพื้นที่ปลายทาง
          นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการรับประกันเพิ่มเติมวงเงินได้ ติดต่อขอใช้บริการได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 82 แห่งทั่วประเทศ อาทิ หลักสี่ ตลิ่งชันสมุทรปราการ ราชดำเนิน บางพลี บางบัวทองปทุมธานี สระบุรี ชลบุรี บางปะกง อุบลราชธานี
ขอนแก่น เชียงใหม่ ลำพูน สมุทรสาคร ภูเก็ตสงขลา เป็นต้น
          "ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นพัฒนาบริการเพื่อสนองตอบทุกความต้องการในการส่งอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและตรงความต้องการมากที่สุด ซึ่งในปีนี้โลจิสโพสต์เวิลด์ ส่งของใหญ่ระหว่างประเทศได้ขยายประเทศให้บริการปลายทางเป็น 32 ประเทศทั่วโลก รองรับความต้องการส่งของที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอนาคตอีกด้วย โดยสินค้าหรือสิ่งของที่ผ่านพิธีการศุลกากรขาออกและหุ้มห่อภายในกล่องพัสดุอย่างเรียบร้อยเตรียมพร้อมฝากส่งณ ที่ทำการฯ จะถูกส่งต่อไปยังสายการบินซึ่งมีเที่ยวบินออกจากประเทศทุกวัน ร่วม 30 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ มั่นใจได้ว่าผู้ประกอบการจะส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ จะได้บริการที่สะดวก คุ้มค่าในราคาประหยัด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าปลายทางที่ใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกา และอังกฤษตามลำดับพิเศษ ! สำหรับผู้ใช้บริการโลจิสโพสต์เวิลด์ส่งของใหญ่ระหว่างประเทศตั้งแต่วันนี้-15 มีนาคม ศกนี้ รับส่วนลด10% ต่อชิ้นทันทีที่ใช้บริการ"
ที่มา : พิมพ์ไทย 

40 ชาติร่วมแข่งขันขอนแก่นมาราธอน


         ปอดเหล็กจาก 40 ชาติทั่วโลกมุ่งหน้าสู่เมืองหมอแคนแดนอีสาน ร่วมประลองความอึดในการแข่งขัน"ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 10" ชิงเงินรางวัลกว่า 2 ล้านบาท ที่เตรียมระเบิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 27 ม.ค.นี้ โดยแชมป์มาราธอนทั้งชาย-หญิง รับเงิน 2 แสนบาท พร้อมถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่แชมป์ฮาล์ฟมาราธอน ทั้งชาย-หญิง รับเงินรางวัล 5 หมื่นบาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และแชมป์มินิมาราธอนชาย-หญิง รับเงินรางวัล 2 หมื่นบาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
          อำพล ทรัพย์เลิศบุญมา ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานมาว่า นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เปิดเผยถึงการแข่งขัน "ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 10 มหกรรมการวิ่ง..งที่นักวิ่งรอคอย" ว่า เป็นกิจกรรมที่จังหวัดขอนแก่นจัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จนถึงปัจจุบัน พ.ศ.2556 นับเป็นปีที่ 10 การแข่งขันวิ่งมาราธอนจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 ม.ค. 2556 นี้ เป็นการแข่งขันวิ่งที่เป็นประเพณีของจังหวัดขอนแก่นที่จะส่งเสริมออกกำลังกายของประชาชนและเยาวชน เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนที่เป็นรากฐานอันสำคัญของการพัฒนาประเทศ อีกทั้งสนับสนุนนักวิ่งเยาวชนไทยที่มีความสนใจสามารถพัฒนาการวิ่งของตนให้มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ โดยใช้การแข่งขัน ขอนแก่นมาราธอนเป็นสนามเก็บเกี่ยวประสบการณ์การแข่งขันวิ่งระดับสากลภายใต้ดครงการ "สานฝันสู่วันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ"
          ส่วนเส้นทางการแข่งขัน การจราจรการดูแลความปลอดภัยในระดับสากล โดยได้ประสานความร่วมมือจากทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องในการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่เพื่อรองรับนักวิ่งจากทุกมุมโลก ส่วนด้านที่พัก จังหวัดขอนแก่นมีโรงแรมตั้งแต่ระดับ 5 ดาวลงมา พร้อมด้วยคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์รองรับจำนวนมาก ขณะที่อาหารของจังหวัดขอนแก่นก็เป็นที่เลื่องลือด้านคุณภาพและรสชาติของอาหารพื้นเมืองโดยทางผู้จัดได้เตรียมอาหารรองรับผู้ร่วมการแข่งขันและผู้เดินทางร่วมกิจกรรมอย่างเต็มที่ บริการฟรีตลอดการแข่งขันมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 10 ที่กำลังจะมาถึงนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง
          การจัดแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จดี มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 60,000 คน โดยมีนักวิ่งต่างประเทศจำนวนถึงกว่า 40 ประเทศ แสดงถึงการจัดแข่งขันที่มีความเป็นสากล เป็นที่ยอมรับของนักวิ่งมืออาชีพจากนานาประเทศ อีกทั้งการแข่งขันยังได้รับการรับรองมาตรฐาน "AIMS" ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับรองมาตรฐานเส้นทางวิ่งระดับสากล โดยเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2547 เรื่อยมาจนปัจจุบัน มีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านมาตรฐานการจัดการแข่งขัน เส้นทางวิ่ง การบริหารจัดการ และการบริการต่างๆ มีนักวิ่งสมัครเข้าร่วมแต่ละครั้งจำนวนมาก
          ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นกล่าวอีกว่า "ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ" เป็นรายการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่ยึดหลักมาตรฐานสากล โดยนักวิ่งจะได้รับการติดแชมเปี้ยนชิพเพื่อบันทึกสถิติ และใช้การตัดสิน ทั้งเส้นทางการวิ่งได้การรับรองจากเอมส์ "AIMS" โดยการแข่งขันมี 4 ประเภท ได้แก่ มาราธอน 42.195 กิโลเมตร, ฮาล์ฟมาราธอน 21.10 กิโลเมตร, มินิมาราธอน 11.55 กิโลเมตร และประเภทเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ 4.5 กิโลเมตร โดยมีเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท และผู้ชนะเลิศ มาราธอน ประเภททั่วไปชาย-หญิง อันดับ 1 เงินรางวัลละ 200,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ฮาล์ฟมาราธอน ประเภททั่วไปชาย-หญิง อันดับ 1 เงินรางวัลละ 50,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และมินิมาราธอนประเภททั่วไปชาย-หญิง อันดับ 1 เงินรางวัลละ 20,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
          สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ที่ เคาน์เตอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขาทั่วประเทศ สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.khondaenmarathon.com หรือ โทร. 0-4320-2388-9, 0-4320-2750
ที่มา : ไทยรัฐ 

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

' อีตั้น ' เร่งเสริมทัพรับอาเซียนพัฒนาคน-บริการหลังการขาย


                "อีตั้น" ปั้นบุคลากรรับเออีซี เสริมทักษะภาษาแน่นหวังรับลูกค้าต่างชาติ พร้อมลงเครื่องมือใหม่รับลูกค้าต่างจังหวัด ใช้บริการคึกคัก ครึ่งปีแรกเตรียมส่งรถใหม่ 5 รุ่นเอาใจลูกค้า คาดยอดขายโต 15% กวาดยอด 960 คัน
                 นางอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า บริษัทมองเห็นถึงโอกาสและความสำคัญของการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงได้เตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งมุ่งเน้นในด้านสินค้าใหม่ที่แนะนำออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยี และการบริการหลังการขาย และยังได้เพิ่มการพัฒนาบุคลากรในด้านทักษะทางภาษาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเออีซีให้สามารถสื่อสารให้ข้อมูลกับลูกค้าต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น และยังคงเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าในด้านศูนย์บริการ ซึ่งขณะนี้มีโชว์รูมที่จังหวัดขอนแก่นที่รองรับลูกค้าจากประเทศลาวมาใช้บริการมากขึ้น บริษัทจึงได้ลงทุนติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ ใหม่ ๆ พร้อมกับส่งช่างชำนาญการเข้าไปดูแลรถยนต์ของลูกค้า
          "ในปีนี้เราให้ความสำคัญกับบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เตรียมความพร้อมพัฒนาทักษะทางภาษา และอีกด้านคือการเสริมความแข็งแกร่งของการบริการในต่างจังหวัด เพื่อ รองรับการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น" นาง อัจฉรีย์กล่าว
          บริษัทเห็นว่าในปีที่ผ่านมารวมถึงแนวโน้มในปีนี้ ตลาดต่างจังหวัดน่าจะได้รับการตอบรับดี อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ที่สามารถรองรับประเทศเพื่อนบ้านได้ แต่การลงทุนในต่างประเทศนั้นอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งประเทศที่น่าสนใจคือพม่าและลาวเนื่องจากเป็นตลาดใหม่
          สำหรับยอดขายในประเทศปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% หรือประมาณ 960 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 800 คัน เนื่องจากปีนี้ตลาดรถนำเข้ายังขยายตัวได้อีกมาก แบ่งสัดส่วนยอดขายรถยุโรป 50% และ รถญี่ปุ่น 50% ครึ่งปีแรกเตรียมแนะนำรถยนต์หลากหลายรุ่น ทั้งโฟล์คสวาเกนรุ่นบีทเทิลใหม่, เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสและเอส-คลาสใหม่, ปอร์เช่ เคย์แมน และโตโยต้า โนอาห์ และว็อกซี่
          ส่วนภาพรวมตลาดรถยนต์หรูนำเข้า คาดว่าแนวโน้มของตลาดรถยนต์หรูนำเข้ามีทิศทางที่สดใส จากค่าเงินบาทที่ แข็งตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่ค่าเงินเริ่ม อ่อนตัวลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาราว 10% เป็นโอกาสที่บรรดาผู้นำเข้าอิสระจะ กักตุนสินค้ารวมถึงจัดแคมเปญ โปรโมชั่น ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ประกอบกับกลุ่มลูกค้าของตลาดมีความเข้าใจในกลไกเรื่อง ค่าเงิน ทำให้มีความตื่นตัวในการตัดสินใจซื้อรถใหม่มากขึ้น
          ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามองเพิ่มเติมคือ นโยบายภาครัฐที่เกี่ยวกับการปรับราคากลางจำหน่ายรถยนต์นำเข้าอีกระยะ ว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ แต่คาดว่าในปีนี้ทิศทางของตลาดน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของเอเชียมีความแข็งแกร่ง ถ้าเทียบกับสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา แนวโน้มเศรษฐกิจก็มีทิศทางที่ดี
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ


แสดงวัฒนธรรมอีสาน รวมเส้นทางเที่ยวอู่อารยธรรม


                ความงดงามของวิถีชีวิต วัฒนธรรม อาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยวของดินแดนอีสาน ล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งสิ้น การเข้าไปเยือนและสัมผัสเรื่องราววิถีวัฒนธรรมอีสานหนึ่งในรากเหง้าที่หยั่งลึกในแผ่นดินไทย จะทำให้ได้เรียนรู้ เข้าใจ และเข้าถึงความงามของอีสานบ้านเฮาอย่างแท้จริง
                มนต์เสน่ห์ของอีสานมีการนำเสนอด้วยงานต่างๆ เป็นระยะ ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดงาน เทศกาลเที่ยวอีสาน 2556 เพื่อให้คนไทยและชาวต่างประเทศได้ชื่นชมและสัมผัสวิถีวัฒนธรรมอีสาน กิจกรรมประเพณีที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยในงานแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วนหลัก เริ่มจากมหัศจรรย์แห่งดินแดนอีสาน ภายใต้แนวคิดที่ว่า "แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม" น่าสนใจที่กลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ตในภาคอีสาน สมาคมโรงแรมภาคอีสานมานำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกว่า 60 บูธ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบสินค้าพื้นเมืองผ้าไหม อาหารอีสานรสแซบ ทั้งส้มตำ หลามยอ แหนมมะยม แหนมกระดุม แหนมเห็ด เนื้อขุนโพนยางคำ ไก่ย่างไม้มะดัน ไส้กรอกอีสาน แกงอีสาน ไข่มดแดง สารพัดแมลงทอด ให้ได้เสียสตางค์อิ่มอร่อยกัน
          ส่วนที่สองเป็นพื้นที่จำลองวิถีชีวิตและสาธิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานให้ทุกคนได้ชื่นชมกับความอลังการของประเพณี ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต และการสาธิตกิจกรรมของชาวอีสานขนานแท้ ประกอบด้วย 6 โซนมหัศจรรย์สุดยอดแดนอีสาน มี โซนเลิศล้ำงานศิลป์ ถิ่นประเพณี ได้จำลองสิมอีสานหรือโบสถ์อีสาน วัดไชยศรี จ.ขอนแก่น
 ที่มีความสวยงามของศิลปะฮูปแต้ม จิตรกรรมผนังโบสถ์อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของสิมอีสาน พร้อมสาธิตการวาดภาพฮูปแต้ม และมีนิทรรศการเทียนพรรษาจิ๋ว ประเพณีงานบุญต่างๆ ของชาวอีสาน เช่น ประเพณีบุญแห่กระธูป ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ การทำมาลัยไม้ไผ่ในงานบุญข้าวประดับดิน
          โซนศรัทธาบารมีอริยสงฆ์ จำลองรูปหล่อพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่ชาวพุทธรู้จัก พร้อมประวัติหลักธรรม คำสอนของหลวงตามหาบัว และประวัติของพระครูสายอีสานอีกหลายท่าน อีกทั้งยังสามารถสักการะพระอัฐิธาตุของหลวงตามหาบัวเพื่อความสิริมงคลได้ภายในงาน โซนชิกแอนด์ชิลอีสาน จำลองสถานที่ท่องเที่ยวบรรยากาศคันทรี กิจกรรมสนุกสไตล์คาวบอย ได้แก่ การเขียนลายเครื่องปั้นดินเผาร้านขายกาแฟสดหอมกรุ่น และซุ้มเกมเชิงคาวบอย งานวัด
          เสน่ห์วิถีชุมชนสังคมอีสาน เป็นอีกโซนพาท่องไปกับบ้านไทดำ ประวัติความเป็นมาของชนเผ่า ศิลปะการทอผ้าแบบดั้งเดิมทุกกระบวนการ และสาธิตการทำตุ้มนกตุ้มหนู สินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่อของชาวไทดำ โซนถักทอคุณค่าผืนผ้าแดนอีสาน สัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านทอผ้าและลานทอผ้าของชาวอีสานขนานแท้ สาธิตขั้นตอนการผลิตผ้าไหมครบกระบวนการจากบ้านท่าสว่างไหมยกทองที่โด่งดังทั้งในไทยและต่างประเทศ ชมตั้งแต่การปั่นฝ้าย สายบุญ จุลกฐิน และทอผ้า มีการสาธิตการทอผ้าไหมแพรวา ความละเอียด ประณีตในการถักทอ มีเอกลักษณ์ในการสร้างลวดลายเพื่อมีความหลากหลาย แต่ยังคงอยู่ด้วยเอกลักษณ์อีสานแท้
          อาหารการกินไม่ขาดที่ โซนตลาดอีสานแซบ เดินเล่นตลาดเซ่าของอีสาน และอาหารพื้นบ้านรสแซบ เช่น ส้มตำ แจ่วบอง แมลงทอด เนื้อขุนโพนยางคำ หลามยอ แกงอีสาน งบไข่มดแดง แป้งจี่ ไก่ย่างไม้มะดัน กะละแมสุรินทร์ และอีกมากมาย ดนตรีสนุกๆ คู่กับวัฒนธรรมอีสานมาตลอด เที่ยวเทศกาลนี้ได้พบกับศิลปินอีสาน กันตรึมอีสานขนานแท้ น้ำผึ้ง เมืองสุรินทร์ วงดนตรีลูกทุ่งร่วมสมัย แคนดี้และแม่บานเย็น รากแก่น นาฏศิลป์กาฬสินธุ์ ราชินีหมอลำกลอนโบราณ รวมถึงมีคอนเสิร์ต "เพลงแห่งลุ่มน้ำโขง" โดยสมลักษณ์และสุเทพ ประยูรพิทักษ์ การแสดงร่วมสมัยผสมเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน โดยกลุ่ม groove is here
          ในงานเทศกาลเที่ยวอีสาน ชื่องานก็ชวนเดินทางไปเยือนถิ่นอีสาน แน่นอนว่าปี 2556 นี้ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้ธีมเก๋ๆ ว่า "เปิดโลกแห่งความมหัศจรรย์" นำสู่เส้นทางท่องเที่ยว 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา
ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เรียกได้ว่าชวนเยือนแหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรมแห่งแดนอีสานตอนบน คมขวานไทย
          เปิดประตูสู่ดินแดนอีสาน ดิ่งตรงถนนมิตรภาพผ่านเข้าเมืองย่าโมโคราช มุ่งหน้าเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ชมปราสาทหินพิมาย ปราสาทขอมหินทรายสีขาวแห่งเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทยที่จารึกความเก่าแก่ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16-17 ในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 กษัตริย์แห่งอาณาจักรขอม แวะสวนซ่อนศิลป์ เรียนรู้ศิลปะ วิถีไทยแท้ อารยธรรมเก่าแก่ดั้งเดิมของคนอีสาน
          จากนครราชสีมามุ่งสู่เมืองแคน แดนอีสาน นั่นคือ 
ขอนแก่น มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติที่มีความสวยงาม กับป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ อาทิ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ตั้งอยู่บริเวณเขตรอยต่อระหว่าง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กับ อ.ภูกระดึง จ.เลย จากนั้นวัดใจที่ถ้ำพญานาคราช ถ้ำอันดับหนึ่งที่งามมากที่สุดภายในอุทยานฯ แล้วเข้าสู่ดินแดนแห่งทะเลบัวแดง จ.อุดรธานี เบิกตาเบิ่งล้านดอกบัวแดงบานเต็มบึง ทะเลบัวแดงหนองหาน กุมภวาปี เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่กินเนื้อที่กว่า 22,500 ไร่ ดอกบัวสีแดง-ชมพูออกดอกสวยงามมากในเดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปี ช่วงงดงามที่สุดเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ สามารถเช่าเรือชาวบ้านล่องชมยามเช้าตรู่จนถึง 11 โมงเช้า
          ก่อนปิดท้ายเส้นทางมหัศจรรย์อู่อารยธรรมอีสานตอนบน ณ ประตูสานมิตรภาพสัมพันธ์ไทย-ลาว ณ เมืองหนองคาย ที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมาย มากราบไหว้สักการะหลวงพ่อพระใส ณ วัดโพธิ์ชัย พระพุทธรูปปางมารวิชัยคู่บ้านคู่เมืองพญานาค ถือเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจชาวหนองคาย และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวคนไทยให้ความเคารพศรัทธา ชื่อเสียงโด่งดังจากเรื่องเล่าของความมหัศจรรย์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนาน ทั้งเชื่อกันว่าจะได้รับการปกป้องแคล้วคลาดปลอดภัย นับเป็นการปิดเส้นทางท่องเที่ยวแดนอีสานตอนบนด้วยความประทับใจ
          สนใจชื่นชมเทศกาลเที่ยวอีสานกำหนดจัดขึ้นวันที่ 24-27 มกราคม 2556 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ห้องเพลนารี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์.
ที่มา : ไทยโพสต์ 


LALIN เล็งเปิด10โครงการใหม่


"ลลิล พร็อพเพอร์ตี้"  ตั้งเป้าปี 2556 ยอดขายโต 20% เล็งเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท พร้อมขยายฐานตลาดภูธร  นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัท ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท หรือเติบโต 20% โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้อยู่ที่ 2,250 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นและเพิ่มสินค้าอาคารชุดรวมทั้งขยายโครงการไปยังต่างจังหวัดทั้งในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ
          ปัจจุบันมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนและส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น น้ำไม่ท่วม ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ฯลฯ จึงทำให้ธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูงมีแนวโน้ม ฟื้นตัวได้ดี อีกทั้งมีการขยายการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งการเตรียมตัวรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตเป็นแรงผลักดันให้ตลาดในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดมีศักยภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ปีนี้บริษัทมี นโยบายขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดเช่น ชลบุรี ศรีราชา พัทยา ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น เป็นต้น
          นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่ประมาณ 8-10 โครงการ โดยเน้น ในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 15% คาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% ทั้งนี้ เนื่องมาจากความต้องการที่อยู่อาศัยในแนวสูงเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ไปยังต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดยังมีความต้องการอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ บริษัทเห็นว่าแผนการขยายงานในส่วนของตลาดอาคารชุดและตลาดต่างจังหวัดจะเป็น 2 ปัจจัยหลักในการขยายงาน อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ในการแบ่งแบรนด์เป็น SBU 1 (แบรนด์เดิมประกอบด้วย บ้านลลิล, ลลิล กรีนวิลล์ และ บุรีรมย์), SBU2 (แบรนด์ใหม่ประกอบด้วย แลนซิโอ, ลีโอ ลิปป์ และลีโว) และ SBU 3 รองรับโครงการต่างจังหวัด เพื่อให้สามารถทำการตลาดได้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับทั้งตลาดบน กลาง และล่าง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ที่มา : โลกวันนี้ 




วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

มข.แถลงข่าวผลการวิจัยด้านเศรษฐกิจอาเซียน



ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะวิทยาการจัดการ มข. เผยผลวิจัยโอกาสการลงทุนอาเซียน หวังให้นักลงทุนไทยใช้เป็นข้อมูลสู่ความสำเร็จของธุรกิจ  มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยกองสื่อสารองค์กร ร่วมกับ กองบริหารงานวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดแถลงข่าวผลงานวิจัยเด่นของสถาบัน กิจกรรมนักวิจัยพบสื่อมวลชนเรื่อง การศึกษาวิจัยศักยภาพพื้นที่ระดับประเทศของกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะ ไทย ลาว เวียดนาม จีนตอนใต้ และ กัมพูชา  โดยทีมนักวิจัยของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน ( E-San Center For Business and Economic Research : ECBER) คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น  เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2556 เวลา 11.00 น.ที่อาคารสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น  โดย มีรศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ  รองอธิการบดีฝ่ายชุมชนสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานกล่าวเปิดงานและกล่าวต้อนรับสื่อมวลชน  โดยผู้แถลงข่าวประกอบด้วย  รศ.ดร. กัลปพฤกษ์  ผิวทองงาม  ผศ.ดร. ก่อพงษ์  พลโยราช  ดร.สุทิน  เวียนวิวัฒน์  อาจารย์ ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ   พร้อมผู้มีเกียรติที่ร่วมงาน นาย วิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรม  นาย เขมชาติ สมใจวงศ์ เลขาธิการหอการค้า
               รศ.ดร. กัลปพฤกษ์  ผิวทองงาม  คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน มข. กล่าวว่า  โครงการวิจัยนี้ได้รับทุนจาก สกอ.  สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา  เป็นโครงการเร่งรัดของภาครัฐ ซึ่งภาครัฐต้องการที่หาข้อมูลให้กับนักธุรกิจก่อนที่จะเข้า AEC กลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้จะเป็นนักธุรกิจ ซึ่งได้ประโยชน์จากโครงการนี้คือ สามารถมองเปรียบเทียบได้ว่า อุตสาหกรรมไหนมีความได้เปรียบ อุตสาหกรรมไหนมีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อบ้านอยู่แล้ว อุตสาหกรรมไหนเป็นคู่แข่งกัน              ข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยตัดสินใจได้ว่าถ้าเขาจะไปลงทุน หรือจะทำความร่วมมือ จะทำการแข่งขันเขาจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในเว็บไซด์ เพราะฉะนั้นการลงทุนในการวิจัยครั้งนี้ของภาครัฐจะไม่หายไป เพราะฐานข้อมูลอยู่ในเว็บไซด์ เพียงใส่ข้อมูลเข้าไปจะทำให้ดูข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง นักธุรกิจก็จะสามารถใช้ตัดสินใจได้เลย
           การศึกษาวิจัยศักยภาพพื้นที่ระดับประเทศของกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะ ไทย ลาว เวียดนาม จีนตอนใต้ และ กัมพูชา  โดยทีมนักวิจัยประกอบด้วย รศ.ดร. กัลปพฤกษ์  ผิวทองงาม   รศ.อนงค์นุช  เทียนทอง ผศ.ดร. ก่อพงษ์  พลโยราช  อาจารย์ประเสริฐ  วิจิตรนพรัตน์ อาจารย์ ดร. ภูมิสิทธิ์     มหาสุวีระชัย อาจารย์ ดร. สุทิน  เวียนวิวัฒน์  ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจตลาด สำรวจคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ทูตพาณิชย์  นักธุรกิจไทย นักธุรกิจท้องถิ่น ที่อยู่ในแต่ละประเทศ  นอกจากนี้ ยังได้มีการสร้างโปรแกรมสำหรับการสืบค้นข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบศักยภาพการแข่งขันทางการตลาด ไว้ให้บริการนักลงทุน      ที่สนใจทำธุรกิจต่างๆ ใน 5 ประเทศ ได้ค้นหาข้อมูลประกอบการลงทุน อีกด้วย
              ผศ.ดร. ก่อพงษ์  พลโยราช ภาควิชาการตลาด คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทีมนักวิจัย ที่ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจสภาพตลาด และการลงทุนในประเทศลาว และกัมพูชาอาจารย์ได้กล่าวถึงธุรกิจที่น่าลงทุนในลาว ว่า ประเทศลาวเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกับเรา ธุรกิจที่น่าสนใจอย่างแรกเลยคือธุรกิจของร้านอาหารไทย สไตล์โมเดิล เพราะว่าทางคนลาวเอง มีลักษณะการเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ประชาชนส่วนหนึ่งมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น   ธุรกิจต่อมาที่น่าสนใจก็คือธุรกิจเกี่ยวกับด้านการสื่อสาร  ซึ่งทางลาวเองมีตลาดความก้าวหน้าตลาดทางด้านนี้ค่อนข้างสูง ธุรกิจถัดมาก็คือธุรกิจเกี่ยวกับการค้าวัสดุก่อสร้าง แบบครบวงจร และได้มาตรฐาน ประเทศลาวเองมีการก่อสร้างเกิดขึ้นมาก อีกธุรกิจหนึ่งที่ผมอยากเสริมก็คือ ธุรกิจผู้ค้าส่งสินค้าให้ โรงแรม และ ร้านอาหาร เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานเหล่านี้ต้องข้ามเข้ามาซื้อสินค้าที่ประเทศไทย ที่กัมพูชาเอง ก็มีธุรกิจหลายตัวที่น่าสนใจ ธุรกิจแรกก็คือร้านอาหาร สไตล์โมเดิล  ต่อมาก็เกี่ยวกับปั้มน้ำมันและก็คาร์แคร์ เพราะที่กัมพูชามีรถจักรยายนต์ และรถยนต์ค่อนข้างมาก ธุรกิจปั้มน้ำมันและคาร์แคร์แบบครบวงจร  ที่ได้มาตรฐาน ยังไม่มีที่กัมพูชา อีกธุรกิจหนึ่ง ก็คือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อันนี้น่าสนใจทั้งของลาวและกัมพูชาเลย เพราะว่าแหล่งท่องเที่ยวเขามีมาก และก็อยู่ในช่วงของการพัฒนา และรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ก็พร้อมให้การสนับสนุน
    ดร.สุทิน  เวียนวิวัฒน์  ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หนึ่งในทีมนักวิจัย ที่กล่าวถึงธุรกิจที่น่าลงทุนในเมืองกวางโจว จีนตอนใต้ ว่า  เมืองกวางโจวเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเซียงไฮ้และปักกิ่ง  ข้อมูลที่สำคัญสำหรับนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในแถบประเทศจีนตอนใต้ก็คือ เราพบว่ามันเป็นการยากมากที่นักลงทุนไทย จะตั้งโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเพราะว่า อย่างที่เราทราบกันว่านักลงทุนจีนเขามีเงินลงทุนเยอะและมีสายป่านที่ยาว เพราะฉะนั้นการเข้าไปทำธุรกิจในจีนก็จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากแต่อย่างไรก็ตาม  ก็ยังมีลู่ทาง ที่เราพอเจาะเข้าไปได้  ที่อยากจะแนะนำก็คือธุรกิจการนำเข้าสินค้าในประเทศจีน เพื่อที่เราจะทำหน้าที่เป็นตัวกระจายสินค้า ให้กับประเทศจีน ก็อย่างที่เราทราบกันว่า สินค้าของเขาค่อนข้างมีราคาถูก และก็มีให้เลือกหลากหลาย เพราะฉะนั้นการนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างเช่น ของที่ระลึก กิ๊ฟช๊อบ มันก็จะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทยในการทำธุรกิจเหล่านี้  นอกจากนี้ธุรกิจที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเรื่องการเข้าไปทำธุรกิจร้านอาหาร สไตล์โมเดิล เพราะว่าเราจะพบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น   จากสถิติเพิ่มขึ้น จาก 1.7 ล้านคะ เป็น 2.5 ล้านคน  สถิติในปี 2554 - 2555   เพราะฉะนั้นคนจีนจะคุ้นเคยกับรสชาติอาหารไทยมากขึ้น เพราะฉะนั้นธุรกิจตรงนี้ก็จะเป็นธุรกิจค่อนข้างมีโอกาส นอกจากนี้ธุรกิจเครื่องนุ่งห่ม แฟชั่น ระดับคุณภาพ   ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งของนักลงทุนชาวไทย เพราะว่า จากสถิติพบว่าสินค้าเหล่านี้ นะครับ มีการส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นอันดับ สินค้าไทยที่นำเข้าไปขายในจีน คนจีนค่อนข้างที่จะให้ความเชื่อถือ ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
              นอกจากเมืองกวงโจว แล้ว ดร.สุทินและทีมงานยังได้ไปที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งพบโอกาสในการลงทุนกิจหลายประเทศ เช่น การให้บริการเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านโครงข่าย หรือ ตัวสินค้าโทรศัพท์เอง   ซึ่งลักษณะของคนสมัยใหม่ ที่เวียดนามเขาจะนิยมใช้มือถือ และรถมอเตอร์ไซด์มาก จากสถิติพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่มี การเปิดการใช้งานในประเทศเวียดนาม มีมากถึง 110 ล้าน เลขหมาย เทียบกับจำนวนประชากรมีเพียง 90 ล้านคน  สำหรับสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซด์ เช่น คาร์แคร์  อุปกรณ์ตกแต่ง อุปกรณ์เสริม รถมอเตอร์ไซด์ ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าจะไปได้สวย เพราะนักวิจัยพบสถิติที่น่าสนใจอีกเช่นกัน นั้นคือจำนวนมอเตอร์ไซด์ในประเทศเวียดนาม มีถึง 24 ล้านคัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านคัน
              อาจารย์ประเสริฐ  วิจิตรนพรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ  ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ หนึ่งในทีมวิจัยจึงได้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ขึ้น โดยกล่าวว่าจุดเด่นของโปรแกรมว่าเป็นการพัฒนารูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย สำหรับนักลงทุนในทุกระดับ     มีรายละเอียดข้อมูลจำนวน 9,000 รายการที่แยกย่อยลงไปถึงประเภทสินค้า  แสดงทั้งในส่วนของศักยภาพ โครงสร้าง นโยบายการส่งเสริมการลงทุน ที่สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและการแข่งขันที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ และยังมีข้อมูลของประเทศในอาเซียนที่ไม่มีปรากฏในสารสนเทศอื่นๆ ซึ่งจะช่วยประกอบการตัดสินใจ    
         ทีมนักวิจัยก็ได้ฝากถึงข้อห่วงใยไปยังนักธุรกิจที่เพิ่งจะเข้าไปลงทุนในกลุ่ม 5 ประเทศ ว่าจะเป็นเรื่องของกฎระเบียบ การค้าขาย ข้อกฎหมายต้องศึกษาให้ชัดเจน และการหาคู่ค้า    ที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงการศึกษาวัฒนธรรมวิถีชีวิตของคนในแต่ละประเทศก็ไม่ควรมองข้าม  ที่มา : http://www.kku.ac.th/news/2013/January/%E0%B8%A1%E0%B8%82.%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99.php