วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ผุดบ้าน-คอนโดฯเกาะแนวโคราช-หนองคายรับเศรษฐกิจอีสาน-เหนือบูม


 ปี 2556 ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะหันกลับมาทำโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้นในพื้นที่ปริมณฑลและเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันกรุงเทพ มหานครมีแนวโน้มจะประกาศใช้ผังเมืองรวมได้ก่อนผังเมืองรวมฉบับเดิมที่ได้รับการต่ออายุในปัจจุบันจะหมดอายุในช่วงกลาง เดือนพฤษภาคม 2556 นี้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดแผนธุรกิจของผู้ประกอบการ โดยผังเมืองฉบับใหม่จะมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ จะไม่ซื้อแปลงที่ดินไว้เป็นเวลานาน แต่เมื่อมีแผนดำเนินการที่ชัดเจน จะซื้อที่ดินแล้วรีบดำเนินการพัฒนาโครงการทันที
          นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่าปีนี้ผู้ประกอบการควรลดระดับการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ลงให้เหลือไม่เกินกว่า 60,000 หน่วย เนื่องจากในรอบ 3 ปีระหว่าง 2553-2555 มีการเปิดหน่วยใหม่ไปแล้วมากถึงประมาณ 169,000 หน่วย และโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างหรือยังไม่เริ่มก่อสร้าง

          สำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่อไปในอนาคต นอกเหนือจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือที่อยู่ในเส้นทางคมนาคมหลักในปัจจุบันและอนาคต และอยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เส้นทางคมนาคมหลักดังกล่าว ได้แก่ เส้นทางยุทธศาสตร์ East-West Economic Corridor ทางหลวงแผ่นดินหรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ที่เริ่มจากบางปะอิน-โคราช เส้นทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคายเชื่อมต่อจีน สนามบินที่มีเที่ยวบิน สะดวก รวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง ฯลฯ
          แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่อเนื่องจะยังเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2556 นี้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรจะแก้ปัญหาโดยการจัดสร้างหรือจัดหาผนังสำเร็จรูปและชิ้นส่วนอุปกรณ์สำเร็จรูปมาใช้มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน
          ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2556 น่าจะทรงตัวและไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่อง จากเศรษฐกิจในซีกโลกตะวันตกยังชะลอตัว เว้นแต่ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะมีการ เร่งพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่มากจนวัสดุก่อสร้างหลักขาดแคลน
          ด้านปัจจัยเสี่ยงยังเป็นประเด็นเศรษฐกิจในยุโรป และสถานการณ์การ เมืองภายในประเทศ แต่ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะมีการเติบโตดี โดยเฉพาะประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดเล็กและเติบโตได้จากฐานต่ำ เช่น เมียนมาร์ และลาว
          ในการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของ ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 พบว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน และความคาดหวังในอนาคต 6 เดือนข้างหน้าดีขึ้นมาก โดยเฉพาะรายใหญ่ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูง ดังนั้น จึงยังมีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ทำให้ไทยจะยังเติบโตได้ดีในปี 2556 ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด
          แต่การที่มีความต้องการขายของที่อยู่อาศัยมากในบางพื้นที่ ประกอบกับการเก็งกำไรจำนวนหนึ่ง และกระแสเงินร้อนไหลเข้าจากต่างประเทศ จึงอาจมีความเสี่ยงที่ภาครัฐต้องควบคุมการดำเนิน นโยบายด้านเศรษฐกิจ การไหลเข้าของกระแสเงิน หนี้ภาคครัวเรือน และเงินเฟ้อ เพราะปัจจัยเหล่านี้ เมื่อผนวกกับปัจจัยการเมืองอาจทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีความเปราะบางในอนาคต
          นายสัมมา กล่าวอีกว่าตลอดทั้งปี 2555 ที่ผ่านมามีห้องชุดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลประมาณ 62,600 หน่วย จากประมาณ 163 โครงการ หรือเฉลี่ยประมาณ 380 หน่วยต่อโครงการ และมีบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่รวมประมาณ 38,100 หน่วย จากประมาณ 217 โครงการ หรือเฉลี่ยประมาณ 175 หน่วยต่อโครงการ
          เป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ 35 ราย ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึงเกือบ 2 ใน 3 ของหน่วยเปิดขายใหม่ทั้งหมดในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยผู้ประกอบการที่เปิดขายหน่วยในโครงการคอนโดมิเนียม ใหม่มากที่สุดในปี 2555 ได้แก่ แอลพีเอ็น, แสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค, ศุภาลัย และเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ส่วนผู้ประกอบการที่เปิดขายหน่วยในโครงการบ้านจัดสรรใหม่มากที่สุดในปี 2555 ได้แก่ พฤกษา, แสนสิริ, ควอลิตี้เฮาส์, แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และศุภาลัย
          นอกจากในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล แล้ว ผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลาง หลายรายได้หันไปเปิดโครงการที่อยู่อาศัย ในต่างจังหวัดมากขึ้น ทั้งในจังหวัดชลบุรี , ขอนแก่น, นครราชสีมา, เชียงใหม่, ภูเก็ต หาดใหญ่, อุดรธานี, อุบลราชธานี ฯลฯ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร
ที่มา : สยามธุรกิจ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น