วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

' อีตั้น ' เร่งเสริมทัพรับอาเซียนพัฒนาคน-บริการหลังการขาย


                "อีตั้น" ปั้นบุคลากรรับเออีซี เสริมทักษะภาษาแน่นหวังรับลูกค้าต่างชาติ พร้อมลงเครื่องมือใหม่รับลูกค้าต่างจังหวัด ใช้บริการคึกคัก ครึ่งปีแรกเตรียมส่งรถใหม่ 5 รุ่นเอาใจลูกค้า คาดยอดขายโต 15% กวาดยอด 960 คัน
                 นางอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า บริษัทมองเห็นถึงโอกาสและความสำคัญของการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงได้เตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งมุ่งเน้นในด้านสินค้าใหม่ที่แนะนำออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยี และการบริการหลังการขาย และยังได้เพิ่มการพัฒนาบุคลากรในด้านทักษะทางภาษาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเออีซีให้สามารถสื่อสารให้ข้อมูลกับลูกค้าต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น และยังคงเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าในด้านศูนย์บริการ ซึ่งขณะนี้มีโชว์รูมที่จังหวัดขอนแก่นที่รองรับลูกค้าจากประเทศลาวมาใช้บริการมากขึ้น บริษัทจึงได้ลงทุนติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ ใหม่ ๆ พร้อมกับส่งช่างชำนาญการเข้าไปดูแลรถยนต์ของลูกค้า
          "ในปีนี้เราให้ความสำคัญกับบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เตรียมความพร้อมพัฒนาทักษะทางภาษา และอีกด้านคือการเสริมความแข็งแกร่งของการบริการในต่างจังหวัด เพื่อ รองรับการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น" นาง อัจฉรีย์กล่าว
          บริษัทเห็นว่าในปีที่ผ่านมารวมถึงแนวโน้มในปีนี้ ตลาดต่างจังหวัดน่าจะได้รับการตอบรับดี อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ที่สามารถรองรับประเทศเพื่อนบ้านได้ แต่การลงทุนในต่างประเทศนั้นอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งประเทศที่น่าสนใจคือพม่าและลาวเนื่องจากเป็นตลาดใหม่
          สำหรับยอดขายในประเทศปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% หรือประมาณ 960 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 800 คัน เนื่องจากปีนี้ตลาดรถนำเข้ายังขยายตัวได้อีกมาก แบ่งสัดส่วนยอดขายรถยุโรป 50% และ รถญี่ปุ่น 50% ครึ่งปีแรกเตรียมแนะนำรถยนต์หลากหลายรุ่น ทั้งโฟล์คสวาเกนรุ่นบีทเทิลใหม่, เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสและเอส-คลาสใหม่, ปอร์เช่ เคย์แมน และโตโยต้า โนอาห์ และว็อกซี่
          ส่วนภาพรวมตลาดรถยนต์หรูนำเข้า คาดว่าแนวโน้มของตลาดรถยนต์หรูนำเข้ามีทิศทางที่สดใส จากค่าเงินบาทที่ แข็งตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่ค่าเงินเริ่ม อ่อนตัวลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาราว 10% เป็นโอกาสที่บรรดาผู้นำเข้าอิสระจะ กักตุนสินค้ารวมถึงจัดแคมเปญ โปรโมชั่น ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ประกอบกับกลุ่มลูกค้าของตลาดมีความเข้าใจในกลไกเรื่อง ค่าเงิน ทำให้มีความตื่นตัวในการตัดสินใจซื้อรถใหม่มากขึ้น
          ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามองเพิ่มเติมคือ นโยบายภาครัฐที่เกี่ยวกับการปรับราคากลางจำหน่ายรถยนต์นำเข้าอีกระยะ ว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ แต่คาดว่าในปีนี้ทิศทางของตลาดน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของเอเชียมีความแข็งแกร่ง ถ้าเทียบกับสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา แนวโน้มเศรษฐกิจก็มีทิศทางที่ดี
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น