"ซีพีออลล์"
วางเป้ายอดขายปี 56 โต 13% ขยายสาขาเพิ่ม
550 สาขา คาดสิ้นปีมีกว่า 7,300 สาขา
พร้อมเปิดศูนย์กระจายสินค้าอีก 1 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร
ทุ่มงบลงทุน 6,000 ล้านบาท โบรกฯ คาดปี 56 ยอดขาย 2.13 แสนล้านบาท จากปี 55 คาดทำไว้ 1.85 แสนล้านบาท
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กล่าวว่า ปีนี้ (ปี 2556) บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตประมาณ 13% จากปีก่อน โดยจะมาจากอัตราการเติบโตของสาขาใหม่ประมาณ 8-9% และการเติบโตของสาขาเดิมประมาณ 5% สำหรับการขยายสาขาใหม่ ปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 550 สาขา หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากสิ้นปี 2555 มีสาขารวมทั้งสิ้นประมาณ 6,800 สาขา เป็นกว่า 7,300 สาขา
สำหรับแนวโน้มตลาดปีนี้น่าจะมีการเติบโตดี จากที่มีคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้เติบโต 5% และจากการที่ภาครัฐมีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ทั่วประเทศ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ดี จากการรับจำนำข้าว และยางพารา ที่ทำให้อำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี ทั้งที่สหรัฐ และยุโรป
“ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 1/56 น่าจะดี จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ขยายไปยังกลุ่มรากหญ้า รวมถึงการรับจำนำข้าว ราคายางพารา ที่มีผลให้อำนาจการซื้อดีขึ้น ประกอบกับในช่วงไตรมาส 1 มีเทศกาลต่างๆ ทั้งปีใหม่ ตรุษจีน และวาเลนไทน์ เป็นต้น จึงทำให้ไตรมาส 1 เป็นไตรมาสที่ผลประกอบดีที่สุดของปี”
ด้านงบลงทุนปีนี้น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6,000 ล้านบาท จากปกติลงทุนเฉลี่ยประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 550 สาขา จากปกติขยายประมาณ 500 สาขาต่อปี โดยเน้นทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดในแหล่งท่องเที่ยว ในสถานีบริการน้ำมันของปตท. อย่างปั๊มที่เติมแก๊ส LPG ซึ่งมีศักยภาพที่ดี โดยมีโอกาสเปิดได้ 100 สาขา รวมถึงในคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ก็มีการลงทุนก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า (DC) เพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า (ปี 2557)
“จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ก็ส่งผลให้บริษัทจะต้องมีการเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทมีแผนเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า จากปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าแล้ว 5 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 แห่ง ขอนแก่น ลำพูน และสุราษฎร์ธานี”
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการปี 2555 ในด้านยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายโดยเติบโตมากกว่า 15% มาอยู่ในระดับประมาณ 16-17% จากปีก่อน เนื่องจากสาขาเดิมมีการเติบโตประมาณ 6-7% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่างการสะสมแสตมป์ในช่วงไตรมาส 4/55ที่ได้รับการตอบรับดีมาก รวมถึงโครงการของภาครัฐ
“โครงการของภาครัฐที่ช่วยระดับรากหญ้า ทั้งการจำนำข้าว ทำให้สาขาในภาคอีสานมีการเติบโตมากกว่าเป้าหมาย และการที่นักท่องเที่ยว ทั้งญี่ปุ่น และจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยมาก โดยมาเที่ยวที่ภูเก็ต พัทยา ทำให้ยอดขายของสาขาในแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ทำให้คนระดับล่างมีอำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นจากการซื้อของในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น มากขึ้น”
ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอใบอนุญาต (ไลเซนส์) จากญี่ปุ่น และสหรัฐ ในการเปิดสาขาในประเทศจีน ซึ่งภายในปีนี้น่าจะมีข่าวดี เนื่องจากจีนมีศักยภาพที่ดีกว่าเวียดนาม จากการเติบโตของ GDP ส่วนเวียดนาม เศรษฐกิจยังไม่ดี ภาวะเงินเฟ้อสูง ภาครัฐบาลของเวียดนามยังแก้ปัญหาไม่ได้ จึงยังเป็นประเทศที่มีความเสี่ยง
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า CPALL มีแนวโน้มอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 4/55 สูงระดับตัวเลขสองหลักต่อเนื่องจาก 16% ในไตรมาส 3/55 ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/54 เพราะเหตุการณ์น้ำท่วม รวมถึงได้รับผลบวกจากเทศกาลกินเจในเดือนต.ค. และยังได้รับผลดีจาก Stamp Promotion ที่จัดขึ้นช่วงระหว่างไตรมาส 3/55-4/55 ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นยอดขายให้เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว ยังทำให้รายได้ส่งเสริมการขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน จึงคาดว่ากำไรในปี 2555 จะเติบโต 42% จากปีก่อน เป็น 11,386 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายปี 2555น่าจะอยู่ที่ 185,344 ล้านบาท
สำหรับในปี 2556 ผู้บริหารได้ปรับเพิ่มเป้าหมายขยายสาขาต่อปีมากกว่า 550 สาขา จากเดิม 500 สาขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 7,300 สาขาในปี 2556 และเป้าหมายระยะยาวที่ 10,000 สาขาในปี 2561 พร้อมขยายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับการขยายสาขา โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าสมุทรสาคร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 จึงได้ปรับประมาณการกำไรปี 2556 ขึ้น 3% เป็น 14,158 ล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน และมียอดขายประมาณ 213,146 ล้านบาท ทำให้แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปรับเพิ่มเป็น 51 บาท จากเดิม 44 บาท
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กล่าวว่า ปีนี้ (ปี 2556) บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตประมาณ 13% จากปีก่อน โดยจะมาจากอัตราการเติบโตของสาขาใหม่ประมาณ 8-9% และการเติบโตของสาขาเดิมประมาณ 5% สำหรับการขยายสาขาใหม่ ปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 550 สาขา หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากสิ้นปี 2555 มีสาขารวมทั้งสิ้นประมาณ 6,800 สาขา เป็นกว่า 7,300 สาขา
สำหรับแนวโน้มตลาดปีนี้น่าจะมีการเติบโตดี จากที่มีคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้เติบโต 5% และจากการที่ภาครัฐมีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ทั่วประเทศ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ดี จากการรับจำนำข้าว และยางพารา ที่ทำให้อำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี ทั้งที่สหรัฐ และยุโรป
“ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 1/56 น่าจะดี จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ขยายไปยังกลุ่มรากหญ้า รวมถึงการรับจำนำข้าว ราคายางพารา ที่มีผลให้อำนาจการซื้อดีขึ้น ประกอบกับในช่วงไตรมาส 1 มีเทศกาลต่างๆ ทั้งปีใหม่ ตรุษจีน และวาเลนไทน์ เป็นต้น จึงทำให้ไตรมาส 1 เป็นไตรมาสที่ผลประกอบดีที่สุดของปี”
ด้านงบลงทุนปีนี้น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6,000 ล้านบาท จากปกติลงทุนเฉลี่ยประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 550 สาขา จากปกติขยายประมาณ 500 สาขาต่อปี โดยเน้นทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดในแหล่งท่องเที่ยว ในสถานีบริการน้ำมันของปตท. อย่างปั๊มที่เติมแก๊ส LPG ซึ่งมีศักยภาพที่ดี โดยมีโอกาสเปิดได้ 100 สาขา รวมถึงในคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ก็มีการลงทุนก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า (DC) เพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า (ปี 2557)
“จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ก็ส่งผลให้บริษัทจะต้องมีการเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทมีแผนเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า จากปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าแล้ว 5 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 แห่ง ขอนแก่น ลำพูน และสุราษฎร์ธานี”
นายปิยะวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการปี 2555 ในด้านยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายโดยเติบโตมากกว่า 15% มาอยู่ในระดับประมาณ 16-17% จากปีก่อน เนื่องจากสาขาเดิมมีการเติบโตประมาณ 6-7% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่างการสะสมแสตมป์ในช่วงไตรมาส 4/55ที่ได้รับการตอบรับดีมาก รวมถึงโครงการของภาครัฐ
“โครงการของภาครัฐที่ช่วยระดับรากหญ้า ทั้งการจำนำข้าว ทำให้สาขาในภาคอีสานมีการเติบโตมากกว่าเป้าหมาย และการที่นักท่องเที่ยว ทั้งญี่ปุ่น และจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยมาก โดยมาเที่ยวที่ภูเก็ต พัทยา ทำให้ยอดขายของสาขาในแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ทำให้คนระดับล่างมีอำนาจในการซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นจากการซื้อของในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น มากขึ้น”
ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอใบอนุญาต (ไลเซนส์) จากญี่ปุ่น และสหรัฐ ในการเปิดสาขาในประเทศจีน ซึ่งภายในปีนี้น่าจะมีข่าวดี เนื่องจากจีนมีศักยภาพที่ดีกว่าเวียดนาม จากการเติบโตของ GDP ส่วนเวียดนาม เศรษฐกิจยังไม่ดี ภาวะเงินเฟ้อสูง ภาครัฐบาลของเวียดนามยังแก้ปัญหาไม่ได้ จึงยังเป็นประเทศที่มีความเสี่ยง
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า CPALL มีแนวโน้มอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 4/55 สูงระดับตัวเลขสองหลักต่อเนื่องจาก 16% ในไตรมาส 3/55 ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/54 เพราะเหตุการณ์น้ำท่วม รวมถึงได้รับผลบวกจากเทศกาลกินเจในเดือนต.ค. และยังได้รับผลดีจาก Stamp Promotion ที่จัดขึ้นช่วงระหว่างไตรมาส 3/55-4/55 ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นยอดขายให้เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว ยังทำให้รายได้ส่งเสริมการขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน จึงคาดว่ากำไรในปี 2555 จะเติบโต 42% จากปีก่อน เป็น 11,386 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายปี 2555น่าจะอยู่ที่ 185,344 ล้านบาท
สำหรับในปี 2556 ผู้บริหารได้ปรับเพิ่มเป้าหมายขยายสาขาต่อปีมากกว่า 550 สาขา จากเดิม 500 สาขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 7,300 สาขาในปี 2556 และเป้าหมายระยะยาวที่ 10,000 สาขาในปี 2561 พร้อมขยายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับการขยายสาขา โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าสมุทรสาคร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 จึงได้ปรับประมาณการกำไรปี 2556 ขึ้น 3% เป็น 14,158 ล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน และมียอดขายประมาณ 213,146 ล้านบาท ทำให้แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปรับเพิ่มเป็น 51 บาท จากเดิม 44 บาท
ที่มา : ข่าวหุ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น