ออฟฟิศเมท
สยายปีกเต็มสูบหลังควบรวมเซ็นทรัลโละออฟฟิศดีโปปั้นออฟฟิศเมทแบรนด์ไทยบุกอาเซียน
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออฟฟิศเมท เปิดเผยว่า หลังจากควบรวมกิจการเซ็นทรัลเมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับแบรนด์ออฟฟิศดีโปที่มีทั้งหมด 44 สาขา มาเป็นออฟฟิศเมทในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายนำแบรนด์ไทยบุกอาเซียนรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ปี 2558
ทั้งนี้ แผนการขยายธุรกิจออฟฟิศเมทในอาเซียน จะดำเนินธุรกิจรูปแบบร้านค้า พื้นที่ 500-1,500 ตารางเมตร พร้อมกับการเปิดตัวของศูนย์การค้าของทางกลุ่มซีพีเอ็นในอาเซียน ควบคู่กับการบุกช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ โดยปีนี้จะเร่งศึกษาตลาดในแต่ละประเทศ
ขณะที่แผนงานในประเทศ จะรุกตลาดทั้งในรูปแบบร้านค้าและพัฒนาช่องทางออนไลน์ในเครือเซ็นทรัลให้มีความแข็งแกร่ง โดยตั้งเป้า 5 ปีจะขยายออฟฟิศเมทเพิ่มไม่เกิน 100 สาขา รวมทั้งศึกษาร่วมกับเซ็นทรัล รีเทล นำเว็บขายสินค้า แบรนด์อื่นๆ มารวมกับออฟฟิศเมท
"ปีนี้ช่องทางออนไลน์มีปัจจัยบวกจากเทคโนโลยี 3จี ที่จะมาผลักดันให้ตลาดค้าปลีกออนไลน์มูลค่า 8 หมื่นล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้นและการที่รัฐบาลเริ่มเก็บภาษีผู้ประกอบการออนไลน์ทำให้คู่แข่งเริ่มน้อยลง"นายวรวุฒิ กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทใช้งบลงทุน100 ล้านบาท ขยายพื้นที่คลังสินค้าที่หนองจอก เพิ่มจาก 7,200 ตารางเมตร เป็น 1 หมื่นตารางเมตรเพื่อรองรับแผนขยายตัว 5 ปี พร้อมเพิ่มคลังสินค้า 4 แห่ง ที่ จ.เชียงใหม่จ.ภูเก็ต จ.ขอนแก่น และ อ.หาดใหญ่เพื่อเพิ่มบริการจำหน่ายสินค้าออนไลน์จาก 11 จังหวัดเป็น 25 จังหวัด และในอนาคตจะขยายคลังสินค้าเพิ่ม 10-12 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของบีทูเอส ได้วางแผนบุกตลาดอาเซียนพร้อมกับการเปิดตัวห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในรูปแบบร้านค้าขนาดพื้นที่ 500-1,500 ตารางเมตร และกลางปีนี้จะรวมการจัดซื้อสินค้าทั้งหมดร่วมกันเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองและลดต้นทุน โดยปัจจุบันมี 82 สาขา รวมทั้งพัฒนาช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ จากเดิมมีสัดส่วน 1%
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวออฟฟิศเมท แค็ตตาล็อก2013 มีสินค้ากว่า 1.2 หมื่นรายการขณะที่ปี 2555 บริษัทมีรายได้ 5,000 ล้านบาท จากออฟฟิศเมท 1,700 ล้านบาท เติบโต 32% และออฟฟิศดีโป 3,300 ล้านบาท เติบโต 18%
"บริษัทตั้งเป้า 3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้ออนไลน์เพิ่มจาก 25% เป็น50% และร้านค้าจาก 75% เหลือ50% โดยปัจจุบันมีฐานสมาชิก 2 แสนราย" นายวรวุฒิ กล่าว
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออฟฟิศเมท เปิดเผยว่า หลังจากควบรวมกิจการเซ็นทรัลเมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับแบรนด์ออฟฟิศดีโปที่มีทั้งหมด 44 สาขา มาเป็นออฟฟิศเมทในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายนำแบรนด์ไทยบุกอาเซียนรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ปี 2558
ทั้งนี้ แผนการขยายธุรกิจออฟฟิศเมทในอาเซียน จะดำเนินธุรกิจรูปแบบร้านค้า พื้นที่ 500-1,500 ตารางเมตร พร้อมกับการเปิดตัวของศูนย์การค้าของทางกลุ่มซีพีเอ็นในอาเซียน ควบคู่กับการบุกช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ โดยปีนี้จะเร่งศึกษาตลาดในแต่ละประเทศ
ขณะที่แผนงานในประเทศ จะรุกตลาดทั้งในรูปแบบร้านค้าและพัฒนาช่องทางออนไลน์ในเครือเซ็นทรัลให้มีความแข็งแกร่ง โดยตั้งเป้า 5 ปีจะขยายออฟฟิศเมทเพิ่มไม่เกิน 100 สาขา รวมทั้งศึกษาร่วมกับเซ็นทรัล รีเทล นำเว็บขายสินค้า แบรนด์อื่นๆ มารวมกับออฟฟิศเมท
"ปีนี้ช่องทางออนไลน์มีปัจจัยบวกจากเทคโนโลยี 3จี ที่จะมาผลักดันให้ตลาดค้าปลีกออนไลน์มูลค่า 8 หมื่นล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้นและการที่รัฐบาลเริ่มเก็บภาษีผู้ประกอบการออนไลน์ทำให้คู่แข่งเริ่มน้อยลง"นายวรวุฒิ กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทใช้งบลงทุน100 ล้านบาท ขยายพื้นที่คลังสินค้าที่หนองจอก เพิ่มจาก 7,200 ตารางเมตร เป็น 1 หมื่นตารางเมตรเพื่อรองรับแผนขยายตัว 5 ปี พร้อมเพิ่มคลังสินค้า 4 แห่ง ที่ จ.เชียงใหม่จ.ภูเก็ต จ.ขอนแก่น และ อ.หาดใหญ่เพื่อเพิ่มบริการจำหน่ายสินค้าออนไลน์จาก 11 จังหวัดเป็น 25 จังหวัด และในอนาคตจะขยายคลังสินค้าเพิ่ม 10-12 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของบีทูเอส ได้วางแผนบุกตลาดอาเซียนพร้อมกับการเปิดตัวห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในรูปแบบร้านค้าขนาดพื้นที่ 500-1,500 ตารางเมตร และกลางปีนี้จะรวมการจัดซื้อสินค้าทั้งหมดร่วมกันเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองและลดต้นทุน โดยปัจจุบันมี 82 สาขา รวมทั้งพัฒนาช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ จากเดิมมีสัดส่วน 1%
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวออฟฟิศเมท แค็ตตาล็อก2013 มีสินค้ากว่า 1.2 หมื่นรายการขณะที่ปี 2555 บริษัทมีรายได้ 5,000 ล้านบาท จากออฟฟิศเมท 1,700 ล้านบาท เติบโต 32% และออฟฟิศดีโป 3,300 ล้านบาท เติบโต 18%
"บริษัทตั้งเป้า 3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้ออนไลน์เพิ่มจาก 25% เป็น50% และร้านค้าจาก 75% เหลือ50% โดยปัจจุบันมีฐานสมาชิก 2 แสนราย" นายวรวุฒิ กล่าว
ที่มา : โพสต์ทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น