วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

ยางพาราพื้นที่อีสานกรีดได้น้อยลง


           รายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึงผลการติดตามสถานการณ์การผลิตยางพารา และอ้อยโรงงานของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีเนื้อที่ปลูกยางพารารวมทั้ง 4 จังหวัด   ได้แก่ ขอนแก่มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด รวมประมาณ 230,000 ไร่ เป็นเนื้อที่กรีดได้ประมาณ 128,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา  ร้อยละ 22 ผลผลิตที่ได้ประมาณ 23,600 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 18 และผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 185 กิโลกรัม ลดลงจากปีที่ผ่านร้อยละ 4 ทั้งนี้ เนื่องจากประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง และภัยแล้งในปีนี้ ทำให้ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีน้ำยางออกน้อย เกษตรกรจึงจำเป็นต้องปิดกรีดเร็วขึ้นกว่าทุกปี โดยเมื่อพิจารณาเป็นรายจังหวัด พบว่า
          จังหวัดกาฬสินธุ์ มีเนื้อที่ปลูกยางพารามากที่สุดประมาณ 137,000 ไร่ เป็นเนื้อที่เปิดกรีดได้ประมาณ 65,000 ไร่ ผลผลิต 11,800 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 182 กิโลกรัม รองลงมาได้แก่ จังหวัดขอนแก่น มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 50,000 ไร่ เปิดกรีดแล้ว 38,000 ไร่ ให้ผลผลิต 6,600 ตัน และผลผลิตไร่ละ 174 กิโลกรัม ส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 35,000 ไร่ เปิดกรีดแล้ว 21,520 ไร่ ผลผลิต 4,500 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 210 กิโลกรัม และจังหวัดมหาสารคาม มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 8,000 ไร่ เปิดกรีดแล้ว 3,880 ไร่ ผลผลิตประมาณ 770 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 200 กิโลกรัม
          ดังนั้น เกษตรกรผู้ที่จะลงทุนปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ ควรพิจารณาสภาพความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกหรือโซนนิ่ง ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การกำหนดเขตเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อยโรงงานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนปลูกพืชเศรษฐกิจ ชนิดนี้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนในอนาคตได้.
ที่มา : เดลินิวส์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น