นายไชย ไชยวรรณ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC
ของบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่การแข่งขันเสรีมาตั้งแต่ปี 2540
ซึ่งในช่วงดังกล่าวบริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจในทุกด้าน
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทเป็นบริษัทประกันฯแห่งแรกที่พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ เพื่อกระจายการทำงานสู่สาขาทั่วประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาทั้งในระดับ Regional Branches สาขาขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค Mini Branches สาขาขนาดกลาง Micro Branches สาขาเล็ก และศูนย์บริการลูกค้า หรือ CSC รวม 300 แห่ง รวมถึงกระจายอำนาจในการอนุมัติสินไหม การรับประกัน การจ่ายเงินคืน เงินปันผลแก่ผู้เอาประกันไปยังสาขา เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับความสะดวก รวดเร็ว ตามแนวคิดไทยประกันชีวิตเป็นมากกว่าการประกันชีวิต
“การปรับประสิทธิภาพการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลรวมถึงสาขาที่อยู่ในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี สงขลา หรือสุราษฎร์ธานี ฯลฯ จะเห็นว่าสาขาเหล่านี้มีความพร้อมในการรองรับลูกค้าต่างชาติ ภายหลังการเปิด AEC อยู่แล้ว ทั้งด้านการพิจารณารับประกัน การจ่ายสินไหม การบริการ ส่วนการขยายการลงทุนไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสม” นายไชย กล่าว
นายไชย กล่าวว่า เพื่อให้สามารถดูแลผู้เอาประกันได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง บริษัทได้ขยายการดูแลอย่างครบรอบด้าน ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกัน (Care Center Network : CCN) ในลักษณะเดียวกับไทยประกันชีวิตแคร์เซนเตอร์ ณ สาขาทั่วประเทศ โดยไทยประกันชีวิตถือเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรก ที่เปิดเครือข่ายศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกัน ขณะเดียวกันยังสอดรับกับพ.ร.บ.ประกันชีวิตฉบับใหม่ ที่กำหนดให้บริษัทประกันชีวิตต้องมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน
สำหรับเครือข่ายศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกัน ทำหน้าที่ดูแลพิทักษ์ผลประโยชน์ แก้ไขปัญหาและข้อขัดข้องของผู้เอาประกัน หรือผู้รับผลประโยชน์ รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของผู้เอาประกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของบริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในบริการ รวมถึงสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีต่อผู้เอาประกัน
ทั้งนี้ บริษัทเป็นบริษัทประกันฯแห่งแรกที่พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ เพื่อกระจายการทำงานสู่สาขาทั่วประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาทั้งในระดับ Regional Branches สาขาขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค Mini Branches สาขาขนาดกลาง Micro Branches สาขาเล็ก และศูนย์บริการลูกค้า หรือ CSC รวม 300 แห่ง รวมถึงกระจายอำนาจในการอนุมัติสินไหม การรับประกัน การจ่ายเงินคืน เงินปันผลแก่ผู้เอาประกันไปยังสาขา เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับความสะดวก รวดเร็ว ตามแนวคิดไทยประกันชีวิตเป็นมากกว่าการประกันชีวิต
“การปรับประสิทธิภาพการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลรวมถึงสาขาที่อยู่ในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี สงขลา หรือสุราษฎร์ธานี ฯลฯ จะเห็นว่าสาขาเหล่านี้มีความพร้อมในการรองรับลูกค้าต่างชาติ ภายหลังการเปิด AEC อยู่แล้ว ทั้งด้านการพิจารณารับประกัน การจ่ายสินไหม การบริการ ส่วนการขยายการลงทุนไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสม” นายไชย กล่าว
นายไชย กล่าวว่า เพื่อให้สามารถดูแลผู้เอาประกันได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง บริษัทได้ขยายการดูแลอย่างครบรอบด้าน ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกัน (Care Center Network : CCN) ในลักษณะเดียวกับไทยประกันชีวิตแคร์เซนเตอร์ ณ สาขาทั่วประเทศ โดยไทยประกันชีวิตถือเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรก ที่เปิดเครือข่ายศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกัน ขณะเดียวกันยังสอดรับกับพ.ร.บ.ประกันชีวิตฉบับใหม่ ที่กำหนดให้บริษัทประกันชีวิตต้องมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน
สำหรับเครือข่ายศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกัน ทำหน้าที่ดูแลพิทักษ์ผลประโยชน์ แก้ไขปัญหาและข้อขัดข้องของผู้เอาประกัน หรือผู้รับผลประโยชน์ รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของผู้เอาประกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของบริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในบริการ รวมถึงสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีต่อผู้เอาประกัน
ที่มา : ข่าวหุ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น