วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไฮสปีดเทรนไทย-ลาวม่วนชื่นเล็งตั้งคณะทำงาน 3 ประเทศ"แสนสิริ"ลุยตลาดอีสานรองรับ


        "ชัชชาติ" แจงไฮสปีดไทย-ลาวเชื่อมจีน  เตรียมตั้งคณะทำงานร่วม  3  ประเทศ  ขณะที่  "แสนสิริ"สนับสนุนเต็มที่  เพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและลดความแออัดในกรุงเทพฯ  รุกขยายโครงการในต่างหวัด  ล่าสุดสร้างยอดขายในหลายจังหวัดรวมมูลค่า  10,000  ล้านบาท  จ่อเปิด  2  โครงการในจังหวัดอุดรธานีและระยอง  เผยอุดรธานีมีศักยภาพสูงในการตอบโจทย์การเปิด  AEC  และพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูง
          นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  เปิดเผยว่า  จากการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว  ถึงความร่วมมือพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อจากประเทศจีน  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  (สปป.ลาว)  มายังประเทศไทยนั้น  ในเร็วๆ  นี้  ทางกระทรวงคมนาคมจะไปหารือกับ  นายทองลุน  สีสุลิด  รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ  สปป.ลาว  เพื่อสรุปรูปแบบการพัฒนาร่วมกัน  จากนั้น  จะตั้งคณะทำงานร่วม  3  ประเทศ  ทั้งจีน  สปป.ลาว  และไทย  ก่อนจัดประชุมเพื่อเร่งผลักดันโครงการดังกล่าวให้เสร็จ  ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่า  แต่ละประเทศได้หารือไปหลายครั้งแล้ว  แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด  เพราะได้แยกการหารือออกเป็นฝ่าย  เช่น  ฝ่ายไทยหารือกับจีน  หรือจีนไปหารือกับ  สปป.ลาว  โดยไม่เคยหารือร่วมกันครบทั้ง  3  ประเทศ  จึงเห็นว่าจากนี้ไปต้องเร่งจัดประชุมร่วม  3  ประเทศ  เพื่อให้แต่ละประเทศได้ข้อสรุปในทิศทางเดียวกัน
          ด้าน  นายเศรษฐา  ทวีสิน  กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท  แสนสิริ  เปิดเผยว่า  การลงทุนรถไฟฟ้า  และรถไฟความเร็วสูง  เป็นเรื่องจำเป็น  เนื่องจากจะช่วยกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค  และลดความแออัดในกรุงเทพฯ  โดยไม่อยากให้กังวลปัญหาคอรัปชัน  จนไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้  จะทำให้ไทยเหมือนถูกแช่แข็ง  ขณะนี้สิ่งที่นักลงทุนต้องการเห็นมากที่สุด  คือ  การตอกเสาเข็ม  เพื่อทำให้เอกชนเกิดความมั่นใจในการวางแผนการลงทุนในอนาคตมากขึ้น  นอกจากนี้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน  2  ล้านล้านบาทของรัฐบาลไปสู่จังหวัดต่างๆ  จะช่วยให้เกิดการลงทุน  พัฒนาเมืองใหญ่ๆ  ให้เติบโต  ช่วยให้เกิดการสร้างงานในพื้นที่  ทำให้รัฐจะได้เก็บภาษีเพิ่มขึ้น  ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า  รวมทั้งมองว่าการสร้างรถไฟความเร็วสูงจะช่วยให้นักท่องเที่ยวพักอาศัยในเมืองไทยมากขึ้น  จากเดิมอยู่เพียงแค่  1-5  วัน  และจะช่วยให้ลดปัญหาความสังคม  เนื่องจากต่อไปครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา  ไม่ต้องทิ้งลูกให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง  แล้วตนเองต้องเดินทางมาทำงานในกรุงเทพฯ 
          ผลสำเร็จตามแผนการดำเนินธุรกิจในด้านรุกขยายการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าของแสนสิริที่มีอยู่ทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบในปี  2556  ล่าสุดบริษัทสามารถสร้างยอดขายหรือพรีเซลจากการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ  ในตลาดต่างจังหวัดได้แล้วถึง  10,000  ล้านบาท  จากความสำเร็จในการทยอยปิดการขายโครงการใหม่ๆ  ในทุกจังหวัดได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา  ทั้งในหัวหิน-ภูเก็ต-ระยอง-พัทยา  และขอนแก่น  จำนวนทั้งสิ้น  8  โครงการ  ใน  5  จังหวัดหลักทั่วประเทศ  ขณะนี้บริษัทได้เตรียมเปิดการขายอีก  2  โครงการคอนโดมิเนียมใหม่  ได้แก่  “เดอะ  เบส  ไฮท์-อุดรธานี”  มูลค่าโครงการรวม  1,000  ล้านบาท  ซึ่งนับเป็นการรุกพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าในจังหวัดอุดรธานีเป็นครั้งแรก  และ  “ดีคอนโด  นครระยอง”  มูลค่าโครงการรวม  1,000  ล้านบาท  ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าในจังหวัดระยองต่อเนื่องเป็นโครงการที่  2  ต่อจากโครงการแรกที่ได้รับการตอบรับที่ดีจนสามารถปิดการขายลงอย่างรวดเร็วในวันแรกของการเปิดพรีเซล  คาดว่าทั้ง  2  โครงการจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดเช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ  ที่ผ่านมา 
          “การพัฒนาโครงการ  “เดอะ  เบส  ไฮท์-อุดรธานี”  จำนวนทั้งสิ้น  408  ยูนิต  มูลค่าโครงการประมาณ  1,000  ล้านบาท  นับเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในจังหวัดอุดรฯ  ตามแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้  อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทั้งในด้านการเป็นศูนย์กลางการค้าและบริการของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  เป็นศูนย์กลางการขนส่ง  นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นในด้านความเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ประกอบกับในอนาคต  อุดรธานี  ยังเป็นจังหวัดที่จะมีศักยภาพที่สูงมากในการตอบโจทย์การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  หรือ  AEC  รวมทั้งการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง,  การพัฒนารางรถไฟระบบรางคู่  และโครงการทางหลวงอาเซียน  (ASEAN  Highway)  ซึ่งจะเชื่อมโยงพื้นที่ศักยภาพของ  10  ประเทศอาเซียน  ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของจังหวัดอุดรธานี  รวมทั้งยังมีแผนการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุดรธานีอย่างต่อเนื่อง  ส่วนโดมิเนียมโครงการที่  2  ในจังหวัดระยอง  ภายใต้แบรนด์  “ดีคอนโด  นครระยอง”  จำนวนทั้งสิ้น  575  ยูนิต  มูลค่าโครงการกว่า  1,000  ล้านบาทนั้น  เป็นการตอกย้ำความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการแรก"  นายเศรษฐา  กล่าว
ที่มา : ดอกเบี้ยธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น