วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ซีพี.แลนด์ลุยภูธรรับเออีซีพัฒนาโครงการแนวราบ-สูงหวังรายได้ขายขาดเท่าค่าเช่า


ซี.พี.แลนด์รุกลงทุนภูธรต่อเนื่องเร่งพัฒนาโครงการทั้งแนวราบ-แนวสูง ปั้นรายได้ขายเช่าเท่ากัน  นายสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ เปิดเผยว่า หลังจากเริ่มรุกลงทุนพัฒนาที่ดินในต่างจังหวัดปีนี้เป็นปีแรก บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องทั้งโครงการที่พักอาศัยแนวสูงและแนวรวบ อาคารสำนักงาน รวมไปถึงพื้นที่ค้าปลีก
          สำหรับแผนงานในปีหน้า คาดจะพัฒนาโครงการใกล้เคียงปีนี้ที่มีจำนวนกว่า 2,000 ยูนิต รวมมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทหนึ่งในนั้นคือโครงการแนวราบในภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยจะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์พื้นที่ 69 ไร่ ราคาเริ่มต้น 2-3 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนพัฒนาโครงการในภาคต่างๆ อย่างต่อเนื่องทั้งภาคเหนือ อีสาน และพัทยา ซึ่งบริษัทมีที่ดินไว้แล้วเป็นส่วนใหญ่
          "การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะทำให้บริษัทมีรายได้จากการขายเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้จากการเช่าจะสูงถึง70% โดยตั้งเป้าจะให้สัดส่วนรายได้จากการเช่าและขายปรับมาอยู่เท่ากันที่ 50:50" นายสมเกียรติ กล่าว
          ขณะที่ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทได้เปิดการขาย 2 โครงการคือ คอนโดมิเนียมกัลปพฤกษ์ เลควิวจ.ขอนแก่น โดยเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อวันที่5 พ.ย. 2555 ราคาเริ่มต้น 1.19 ล้านบาท และวันที่10 พ.ย.นี้ จะเปิดขายโครงการแกรนด์
          พาร์ค ขนาด 500 ยูนิต ที่ จ.อุดรธานีราคาเริ่มต้น 1.22 ล้านบาท
          การรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องของซี.พี.แลนด์เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ใกล้เคียงคนเมืองมากขึ้นและยิ่งเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะทำให้เกิดการลงทุนกระจายในทุกภูมิภาคซึ่งจะส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้นไปอีก
          นายสมเกียรติ กล่าวว่า หลังจากใช้งบ 500 ล้านบาท ลงทุนปรับโฉมอาคารฟอร์จูนทาวน์แบ่งเป็นโรงแรมแกรนด์เมอร์เคียว 300 ล้านบาทและศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ 250 ล้านบาท ล่าสุดได้เปิดบริการโฉมใหม่ของศูนย์การค้าแล้ว ส่วนโรงแรมคาดว่าจะเปิดโฉมใหม่ในช่วงต้นปีหน้า
          การปรับโฉมศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ดังกล่าว เน้นการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเพิ่มสัดส่วนไอทีมอลล์จากเดิม20-30% เป็น 70% ที่เหลือเป็นฟู้ดมอลล์ 12% และไลฟ์สไตล์มอลล์ 18% คาดมีลูกค้าใช้บริการเพิ่มจาก 4 หมื่นคนต่อวันเป็น 5-6 หมื่นคน
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น