วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

4 บิ๊กอสังหาฯชิงเจ้าตลาดภูธรฟันธง'อีสาน'บูมรับอาเซียน



 โค้งสุดท้ายปลายปี ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูธรทั้งในเมืองท่องเที่ยว และเมืองเศรษฐกิจ ยังคงแรงไม่หยุด ไม่แพ้ตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีภาพของโครงการใหม่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดอย่างไม่ขาดสาย ทั้งจากผู้ประกอบการหน้าเดิม รวมถึงผู้ประกอบการ "หน้าใหม่" ที่โดดลงมาร่วมสังเวียนการแข่งขัน รองรับความต้องการ "บ้านหลังที่สอง" ในต่างจังหวัด บวกกับปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ขยายตัว โดยเฉพาะในหัวเมืองหลักในภาคอีสาน ขอนแก่น และอุดรธานี รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)   ตอนนี้ต้องเรียกว่าอสังหาฯ"รายใหญ่เกือบทุกค่าย"บุกตลาดต่างจังหวัดเต็มตัวแล้ว โดยเฉพาะบิ๊กเนมอย่าง แสนสิริ, ศุภาลัย,แลนด์แอนด์เฮ้าส์,แอลพีเอ็น และพฤกษา
          อธิป พีชานนท์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บอกว่า ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ ยังคงเดินหน้าเปิดโครงการต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวโครงการ"ศุภาลัย พาร์ควิลล์ ศรีราชา" ในจังหวัดชลบุรี พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ต่อเนื่องจากโครงการ "ศุภาลัย @ เวียง มอนเต้ เชียงใหม่" ที่พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 738 ยูนิต โดยตั้งแต่ต้นปีได้เปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดไปแล้ว 5 โครงการ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ 
ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี และชลบุรี ส่วนในปีหน้ามีแผนจะเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดอีกอย่างน้อย 8 โครงการ ในพื้นที่เดิม และขยายการลงทุนไปยังจังหวัดใหม่ๆ อาทิ อุดรธานี ระยอง เนื่องจากแต่ละตลาดมีความต้องการที่แตกต่างกันและมีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะอุดรธานี ถือเป็นเมืองการค้าชายแดน ที่มีการเติบโตสูง        "ตอนนี้รายใหญ่เริ่มเข้าไปบุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ศุภาลัยก็มีแผนจะลงไปตามหัวเมืองใหญ่ โดยมีตลาดอีกหลายแห่งที่อยู่ในความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี อุดรธานี  โดยแนวทางการทำตลาดต่างจังหวัดจะเน้นที่ตลาดใหญ่ก่อนขยายจะไปเมืองเล็ก แต่ถ้าดูจากจำนวนจังหวัดที่เปิดตัวเราถือว่ามากที่สุด เพราะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดมาแล้ว 34 โครงการ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 22,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้ยอดขายจากโครงการต่างจังหวัด คาดว่าจะทำได้ถึง 20% จากเป้ายอดขายรวมทั้งปีที่ 2.1 หมื่นล้นบาท ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่ายอดขายต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 25 % ในปีหน้า " อธิปกล่าว ด้านบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) พบว่า ในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา เปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดไปแล้วถึง 21 โครงการ รวมมูลค่า 19,200 ล้านบาท โดยเน้นขยายไปในทำเลเดิม หัวหิน ภูเก็ต เขาใหญ่ เชียงใหม่ และพัทยา ปัจจุบันมียอดขายโครงการต่างจังหวัดแล้วประมาณ 13,500 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าโครงการ  โดยในปีนี้แสนสิริมีแผนลงทุนโครงการในต่างจังหวัดอยู่ที่ 24 โครงการ มูลค่ารวม 21,500 ล้านบาท และนับตั้งแต่ปี 2531 แสนสิริเริ่มพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดจนถึงปัจจุบัน เปิดตัวโครงการไปแล้ว  29 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 25,400 ล้านบาท ในจำนวนนี้เกือบ 100% พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม โดยในช่วงเวลาที่เหลือของ ปีนี้ เตรียมเปิดตัวอีก 3 โครงการ ได้แก่  ดีเวียง เชียงใหม่ และอีก 2 โครงการที่หัวหิน ภายใต้ชื่อ"บ้านเพลิน หัวหิน"
          ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต  กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแผนลงทุนในตลาดต่างจังหวัดในปีหน้าว่า จะอยู่ที่ 5-10 โครงการ โดยพฤกษาจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ประมาณ 1-2 โครงการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ เน้นทำเลเดิมภูเก็ต เชียงใหม่ 
ขอนแก่น และขยายไปจังหวัดใหม่ เช่น ชลบุรี จากในปีนี้ เปิดไปแค่ 2 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ในจังหวัดขอนแก่น และภูเก็ต มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท   "ปีหน้าจะเป็นปีบุกหนักด้านการลงทุน การทำตลาดต่างจังหวัดที่ผ่านมาของพฤกษา จะเน้นทำเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ แต่จากแนวโน้มของตลาดจะเห็นได้ว่าคอนโดมิเนียมเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ในต่างจังหวัดขยายตัวเร็วมาก พฤกษา จึงมีแผนกระจายมาเจาะตลาดแนวสูงในต่างจังหวัด"ประเสริฐ กล่าว   ขณะที่เจ้าตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง อย่าง บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดี เวลลอปเมนท์  จำกัด(มหาชน)  ประกาศมุ่งขยายพื้นที่พัฒนาโครงการไปในหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี  ซึ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ซึ่งพบว่ายังมีความต้องการที่พักอาศัยอีกมาก  โดยปัจจุบันเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยา-ชลบุรีไปแล้ว  4 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ พัทยา ,ลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ ,ลุมพินี พาร์คบีช จอมเทียน และลุมพินี คอนโดทาวน์ ชลบุรี-สุขุมวิท รวมมูลค่าโครงการ ประมาณ 10,000 ล้านบาท  สำหรับกลยุทธ์ของแอลพีเอ็น จะเน้นจับกลุ่มคนทำงานในท้องถิ่น
          "เรียกว่าอสังหา "รายใหญ่เกือบทุกค่าย"บุกตลาด ต่างจังหวัดเต็มตัว"
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น