โรงงานมึนคนงานหนีทำเกษตร ทำออเดอร์ปีใหม่สะดุด

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการต่างจังหวัด พบว่าขณะนี้ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) เนื่องจากแรงงานลาออกกลับไปทำงานในภาคเกษตรมากขึ้น อาทิ ข้าวและอ้อย เพราะอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเดินกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ แม้หลายรายมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ในปริมาณมากก็ตาม           นายวัลลภกล่าวว่า แรงงานที่ทำเกษตร กรรมและอุตสาหกรรมพร้อมกันนั้นมีหลายหมื่นคน จึงถือว่ายังเป็นกลุ่มที่ไม่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาศักยภาพเกิดความลำบาก เพราะทำงานในโรงงาน 7-8 เดือน ส่วน 4-5 เดือนที่เหลือจะกลับไปทำงานในภาคเกษตร ซึ่งเป็นฤดูเก็บเกี่ยว จากนั้นช่วงหลังปีใหม่จะกลับเข้ามาทำงานใหม่           "ผลจากการที่แรงงานกลุ่มนี้กลับไปทำไร่ทำนา ทำให้การเดินเครื่องผลิตต้องสะดุด เพราะไม่สามารถหาแรงงานมาทดแทนได้ทัน" นายวัลลภกล่าว           นายวัลลภกล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ทั่วประเทศ จนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ทำให้โรงงานเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดเริ่มปรับลดขนาดกิจการ และชะลอรับแรงงานใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ ยกเว้นกลุ่มแรงงานฝีมือ รวมถึงมีการกดดันให้แรงงานที่ไม่มีศักยภาพออกจากงานเพื่อเตรียมรับมือต้นทุนที่จะสูงขึ้น           ทั้งนี้ หากมาตรการช่วยเหลือของรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นภายใน 1-2 ปี ผู้ประกอบการบางรายได้เตรียมแผนขั้นต่อไป คือ ปิดกิจการแล้วไปเปิดโรงงานใหม่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานของรัฐหรือใกล้กับระบบโลจิสติกส์ เพราะช่วยลดต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง และสุดท้ายหากมีเงินทุนและเครือข่ายคงต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน           นายวัลลภกล่าวว่า ผลสำรวจเอสเอ็มอีใน 70 จังหวัด ในกรณีที่รัฐบาลได้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน พบว่าจังหวัดที่ได้รับผล กระทบมากที่สุดมี 29 จังหวัด เพราะค่าแรงเพิ่มขึ้น 80-90% ได้แก่ พะเยา ศรีสะเกษ น่าน ตาก สุรินทร์ พิจิตร พิษณุโลก แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ นครพนม ชัยภูมิ มุกดาหาร ลำปาง สุโขทัย หนองบัวลำภู เชียงราย นครสวรรค์ บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยนาท และสุพรรณบุรี ที่มา : มติชน