มข.เผยผลวิจัยไหมอีรี่เสริมคุณสมบัติทนร้อนเหมาะเลี้ยงในภาคอีสาน พร้อมส่งเสริมสู่ระดับชุมชนสร้งผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพสูงที่โดดเด่นพัฒนาสู่อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอางและปุ๋ย
รศ.ดร.ศิวิลั สิริมังครารัตน์ อาจารย์ภาควิชาพืชศาสตร์และทรัพยากรการเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักวิจัยหลักในกลุ่มวิจัยการเพาะเลี้ยงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมป่าและแมลงสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม มหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวในงาน"นักวิจัยพบสื่อมวลชน" เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ที่อาคารสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี โดยมี ผศ.ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์ ผู้ช่วยอธิบดีการบดีฝ่ายการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดงาน ว่าคำว่าไหมทนร้อน ถือเป็นมิติใหม่ของการศึกษาในประเทศและทั้งในระดับโลก เพราะยังไม่มีรายงานในเรื่องนี้ และจากการที่ต่างประเทศเพาะเลี้ยงไม่ประสบความสำเร็จ มีการขอให้ทีมวิจัยช่วยเหลือที่สำคัญอีกประการหนึ่งในช่วงฤดูร้อน ถ้าไม่ใส่ใจเท่าที่ควรไหมจะตาย แต่ทีมวิจัยสามารถพัฒนาจนเพาะเลี้ยงได้ โดยคิดค้นเทคนิคในการเลี้ยง แล้วนำไปส่งเสริมชาวบ้าน เป็นการต่อยอดและศึกษาพัฒนาไปสู่ชุมชนอย่างถาวรและยั่งยืน สู่ชุมชนของโลก
นอกจากนี้ ในด้านของการแปรรูป ที่ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ก็คือดักแด้ไหมอีรี่ทอดกรอบกระเทียมพริกไทย การนำฝักไหนมาทำเครื่องสำอาง การทำปุ๋ย โดยเฉพาะเสื้อผ้าไหมอีรี่ที่มีความพิเศษแตกต่างจากผ้าไหมทั่วไป กล่าวคือผ้าไหมอีรี่มีลักษณะเนื้อผ้าคล้ายผ้าฝ้ายแต่มีความแวววาวคล้ายไหมบ้าน แต่เมื่อนำไปสวมใส่ในหน้าร้อนจะระบายอากาศได้ดี ขณะที่ในหน้าหนาวก็จะให้ความอบอุ่นได้อย่างดี
มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ทำการวิจัยไหมอีรี่มาตั้งแต่ปี 2534 ทั้งในด้านการเพาะเลี้ยง การศึกษาพืชอาหาร การคิดค้นเครื่องผลิตเส้นไหมแบบสาว การแปรรูปเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์สิ่งทอเครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งปุ๋ย นับได้ว่าไหมอี่รี่นี้ เป็นแมลงอเนกประสงค์อย่างครบวงจร
รศ.ดร.ศิวิลัย กล่าวต่อว่า ไหมอีรี่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย นำเข้ามาในประเทศไทยก่อนปี พ.ศ.2523 เป็นที่นิยมเลี้ยงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะไหมอีรี่กินใบละหุ่งและใบมันสำปะหลังเป็นอาหารหลัก ด้วยคุณสมบัตินี้ นักวิจัยจึงเห็นว่าไหมอีรี่สามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่ภาคอีสานเพาะเลี้ยงได้ดีคล้ายกับการเพาะเลี้ยงไหมบ้านแต่ง่ายและประหยัดแรงงานกว่ามาก เพาะเลี้ยงได้ตลอดปี ทนโรคทนแมลงศัตรู ในกระบวนการเพาะเลี้ยงไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีโปรตีนสูงมาก
รศ.ดร.ศิวิลัย กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการส่งเสริมไปสู่เกษตรกรได้มีการจัดตั้งหมู่บ้านต้นแบบในการเพาะเลี้ยงไหมอีรี่ มีการขยายการเลี้ยงไปทั่วประเทศ มีการส่งเสริมการขาย ทั้งในระดับอุตสาหกรรมโรงงานทำเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกปัจจุบันตลาดมีความต้องการรังไหม และเส้นไหมอีรี่อย่างมาก สำหรับเกษตรกรที่สนใจก็สามารถติดต่อได้ที่ โทร.043-362-108, 08-8549-0302
ที่มา : คม ชัด ลึก
KKCC Gold ศูนย์ขุมทองเพื่อการลงทุน หอการค้าจังหวัดขอนแก่น : ข้อมูล เศรษฐกิจการค้า การลงทุน ของจังหวัดขอนแก่น จากแหล่งต่างๆทั้งที่เป็นทางการ และที่เป็น แนวโน้ม ความเคลื่อนไหว ข้อคิดเห็น นำเสนอให้กับสมาชิก/สาธารณะ การวิเคราะห์โอกาสและผลกระทบ โดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น อันนำไปสู่ การสังเคราะห์ และร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนต่างๆในจังหวัด เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจ และสัญญาณให้ปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลง ใช้ตัดสินใจสร้างผลกำไรได้ ดังชื่อว่า “ศูนย์ขุมทอง เพื่อการลงทุน”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น