ท่ามกลางปัญหาชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นใน ขณะนี้
จะมีผลอย่างไรต่อธุรกิจไมซ์ของประ เทศไทย
และแนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของทีเส็บในปีหน้าจะมีทิศทางอย่างไร
อ่านได้จากการสะท้อนมุมมองของ นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ
มั่นใจไมซ์ปีนี้โตเกินเป้า
บอสใหญ่ทีเส็บ มองว่า
การชุมนุมทางการเมืองของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในโค้งสุดท้ายของปีนี้
ยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไมซ์ไทย
เพราะในขณะนี้การจัดงานด้านไมซ์ต่างๆที่วางไว้แล้วก็ยังเดินหน้าต่อ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจัดงานไมซ์ต่างๆไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการชุมนุม
แต่ทีเส็บก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยได้ร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประ เทศไทย(ททท.)
เพื่อตั้งเป็นศูนย์บอกข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว
และทีเส็บก็มีการอัพเดตข่าวสารบนหน้าเว็บไซต์ตลอดทุกช่วงเวลาของการเคลื่อนไหวสถานการณ์
รวมไปถึงติดต่อสอบ ถามเรื่องความจำนงในการจัดงานแก่ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา
รวมถึงทีเส็บยังได้เตรียมแผนรับมือในกรณีหากสถาน
การณ์การชุมนุมเกิดความรุนแรงหรือไม่อยู่ในกรอบของความสงบ
จนนำไปสู่การที่ประเทศต่างๆประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ
ทีเส็บก็มองการโปรโมตการจัดงานไมซ์ในจังหวัดไมซ์ซิตีใน 4 จังหวัดทั้ง
เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และพัทยา
ก็ยังมีศักยภาพมากพอที่จะรองรับการจัดงาน
"มองจากสถานการณ์ในขณะนี้ ผมก็ยังมั่นใจว่าเป้าหมายการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในปีนี้
มีแนวโน้มเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยคาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์มากกว่า 1 ล้านคนในปีนี้
สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่อยู่ที่ 9.4 แสนคน
และประเทศไทยจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์กว่า 8.8 หมื่นล้านบาท
จากจำนวนการจัดงานด้านไมซ์รวมกว่า 516 งาน"
ขับเคลื่อนไมซ์ตลาดเอเชีย
หากแยกเป็นรายตลาดจะพบว่า ผู้เดินทางกลุ่มไมซ์สูงสุดจะมาจากเอเชีย
คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 75.25%, ยุโรป 10.06% และอเมริกา 4.72% ซึ่ง 5 ประเทศที่มีนักเดินทางไมซ์สูงสุด
ได้แก่ ประเทศจีน อินเดีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะทีเส็บ
ให้ความสำคัญในการดึงงานระดับนานาชาติจากต่างประเทศมาจัดในประเทศไทย
ภายใต้การเน้นจุดเด่นที่มีอยู่ใน 3 มิติหลัก
คือความได้เปรียบทางทำเลที่ตั้งที่สามารถเชื่อมโยงไปในหลายๆ ประเทศได้
ความหลากหลายทางการท่องเที่ยวที่มีให้เลือกหลังการเดินทางมาเพื่อจัดประชุม
และสัมมนา รวมไปถึงความเป็นมืออาชีพของบุคลากร
"เป้าหมายการทำงานของทีเส็บ จะเน้นขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย
พร้อมกับส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น TOP OF MIND ของอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิภาคเอเชีย
โดยตั้งเป้าการเติบโตของจำนวน และรายได้ในปี 2557 ว่า
จะสามารถเพิ่มจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ขึ้นเป็น 5% สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์เพิ่มขึ้น
10% คิดเป็นมูลค่า 9.69 หมื่นล้านบาท"
ชู 5 ยุทธศาสตร์แผนปีหน้า
เอ็มดีทีเส็บ ยังฉายภาพการทำงานในปีหน้าว่า ทีเส็บ จะใช้งบกว่า 880
ล้านบาท
เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่เป้าหมายศูนย์กลางการจัดประชุมในภูมิภาคเอเชีย โดยเน้นดำเนินการใน 5 ยุทธศาสตร์หลัก
ตามแผนแม่บทอุตสาหกรรมไมซ์ปี 2555-2559 คือ 1.รักษาตลาดเดิม-ขยายตลาดใหม่ 2. ผลักดันให้ไทยเป็น Top of Mind
ของภูมิภาคเอเชีย 3. สร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์
4. เสริมสร้างความเข้มแข็งระหว่างเครือข่ายความร่วมมือทั้งใน
และต่างประเทศ และ 5. ยกระดับศักยภาพและบทบาทของทีเส็บ
ขณะเดียวกันยังได้วางแนวทางพัฒนาตามวิสัยทัศน์ในปี 2557 คือ "การยกระดับไมซ์ไทยสู่ตลาดคุณภาพ"
โดยบูรณาการเข้ากับยุทธศาสตร์ของประเทศตามนโยบายรัฐบาล หรือ Thailand' s
New Growth Model มาเป็นรากฐานของการพัฒนาแผนแม่บทประจำปี
เน้นเจาะกลุ่มตลาดในภาคอุตสาห กรรมอาหาร เกษตร ยานยนต์ และเมดิคัล เป็นหลัก
ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ดึงงานในกลุ่มคุณภาพ เช่น การเงิน การธนาคาร
และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้จะพัฒนาตลาดตามนโยบายรัฐบาลเพื่อเจาะกลุ่ม วัฒนธรรม
เอนเตอร์เทนเมนต์ และพลังงาน
ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดใหม่ไฟแรงที่ทางรัฐบาลมองว่าจะเติบโตดีในปีหน้า
นอกจากนี้ทีเส็บ ยังได้ใช้กลยุทธ์ทำการตลาดด้วยแผน "3Cs"
ประกอบไปด้วย 1.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกระดับจากท้องถิ่นสู่ระดับโลก
(Corcreation) 2.จัดแบ่งกลุ่ม
ตลาดเชิงกลยุทธ์ทั้งในและต่างประเทศ (Cuatomisation) และ 3.การใช้เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ
(Creativity) เพื่อสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน
สำหรับภาพรวมของการจัดงานไมซ์ในปีหน้า
เบื้องต้นมีงานธุรกิจไมซ์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล
ที่คอนเฟิร์มการจัดในไทยซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้ว ประมาณ 70-100 งาน เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ
ก็มีไฮไลต์งานสำคัญที่คาดว่าจะนำจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าสู่ประเทศไทย ได้แก่
กลุ่มการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล อาทิ Unicity Global
Convention จำนวน 2 หมื่นคน, Herbal
Life Asia Pacific World Team University 2013 ราว 1.2 หมื่นคน และ Jeunesse Expo-Annual World Conference 2013 จำนวน 5,000 คน
รวมไปถึงกลุ่มการประชุมนานาชาติ อาทิ งาน World Marketing Forum
2014 จำนวน 4,000 คน, งาน
International Congress of Pharmaceutical Sciences-FIP 2014
จำนวน 2,500 คน และงาน The 3 Global Congress
for Consensus จำนวน 2,000 คน
กลุ่มการแสดงสินค้านานาชาติ อาทิ งาน Metalex 2014 จำนวน 5
หมื่นคน, งาน Intermach 2014 จำนวน 4 หมื่นคน, งาน Propak
2014 จำนวน 3 หมื่นคน และงาน TFBO&TRAFS
2014 จำนวน 2.5 หมื่นคน เป็นต้น
ทั้งหมดล้วนเป็นภาพรวมของธุรกิจไมซ์ไทยในขณะนี้
และแนวโน้มการผลักดันธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ