"รายงานตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" ฉบับล่าสุด ของคอลลิเออร์ส
อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุ
ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากเข้าไปลงทุนในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทั้งในรูปแบบของการขยายธุรกิจเพิ่มเติม หรือว่าเป็นการเข้าไปลงทุนใหม่
สุรเชษฐ กองชีพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย จากคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า "นักลงทุนจากประเทศเวียดนาม จีน และไทย เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในประเทศลาวมากที่สุดสามอันดับแรก เพราะทั้งสามประเทศนี้มีชายแดนติดกับประเทศลาว นอกจากนี้แปดในสิบอันดับแรกเป็นนักลงทุนจากประเทศในอาเซียน แม้ว่าลาวจะไม่มีทางออกไปสู่ทะเล แต่ว่าทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมหาศาล และเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะขยายตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้กลายเป็นแม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ"
จำนวนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปีพ.ศ.2555 มีประมาณ 3 ล้านคน มากกว่าปีพ.ศ.2554
สูงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้มากขึ้น เช่น การงดเว้นการขอวีซ่า เส้นทางการบินใหม่ ปีการท่องเที่ยวลาว 2555
มีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปีพ.ศ.2556 มากถึง 3.7 ล้านคนเพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากปีพ.ศ.2555 ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะ "ธุรกิจโรงแรม"ตอนนี้มีโรงแรมที่กำลังก่อสร้างหลายแห่ง โดยมีห้องพักรวมกันประมาณ 990 ห้อง โดยทั้งหมดมีกำหนดที่จะเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2557 นักลงทุนชาวต่างชาติหลายรายลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในเวียงจันทน์ เช่น กลุ่ม HAGL จากเวียดนาม กลุ่มเดอะรีกัล โกลบอลอินเวสท์เม้นท์ และดีเวลลอปเม้นท์ ของสิงคโปร์
โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการของนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีแผนจะพัฒนาในอนาคตในเวียงจันทน์ ก็มีโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ เช่น โครงการ Vientiane New World ตามแนวแม่น้ำโขง โครงการ The World Trade Centre ในใจกลางเวียงจันทน์ โครงการ Vientiane Complex และอีกโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่ม BIM ของเวียดนาม
"ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า" ก็น่าสนใจไม่แพ้ธุรกิจโรงแรม เพราะนักลงทุนชาวต่างชาติหลายรายที่ลงทุนในเวียงจันทน์ในหลายอุตสาหกรรม ต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานคุณภาพที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ที่จอดรถเพียงพอ และการบริหารอาคารที่มีคุณภาพ แม้ว่าจะมีนักลงทุนชาวต่างชาติหลายรายที่เช่าบ้านเดี่ยว หรืออาคารพาณิชย์เพื่อใช้เป็นสำนักงาน
อาคารสำนักงานแห่งแรกในเวียงจันทน์เปิดให้บริการในปี พ.ศ.2536 ใน Chantabuly ซึ่งการขาดแคลนที่ดิน และราคาที่ดินที่เพิ่มสูง ขึ้น เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ ใน Chantabuly ดังนั้นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ จึงอยู่ในพื้นที่อื่น
ค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารสำนักงานในเวียงจันทน์อยู่ที่ 5-15 ดอลลาร์ สหรัฐต่อเดือน ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวก และทำเลที่ตั้ง อาคารสำนักงานส่วนใหญ่ในเวียงจันทน์มีอัตราการเช่าค่อนข้างสูง แม้ว่าจะมีพื้นที่ในอาคารสำนักงานที่ยังคงว่างอยู่ โดยเฉพาะในอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ไกลจากพื้นที่ธุรกิจ
"พื้นที่ค้าปลีก" ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่า สนใจสำหรับชาวต่างชาติ แม้ว่าจำนวนประชากรในเวียงจันทน์จะไม่มาก และไม่เหมาะกับโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อุปทานพื้นที่ค้าปลีก ในเวียงจันทน์มีอยู่ไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่สร้างเสร็จ และเปิดให้บริการใน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ว่าโครงการเหล่านี้ยังคงมีมาตรฐานต่ำ กว่าโครงการอื่น ๆ ในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการแบ่ง และจัด พื้นที่เช่า
โครงการพัฒนาขนาดใหญ่บางโครงการในเวียงจันทน์เป็นการเพิ่มความต้องการพื้นที่ค้าปลีก เพราะในโครงการเหล่านี้มีการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก โรงแรม อาคารสำนักงาน และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ดังนั้น เวียงจันทน์มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอนาคต ไม่ใช่แค่ศูนย์กลางการเดินทางไปหลวงพระบาง เมื่อโครงการเหล่านี้สร้างเสร็จ
"ผู้ประกอบการซูเปอร์สโตร์ มอลล์ และศูนย์การค้าในประเทศไทยก็กำลังมองหาลู่ทางในการเปิดศูนย์การค้าแห่งแรกของตนเองในลาว โดยเฉพาะในเวียงจันทน์ และหลวงพระบาง แต่อาจจะมาในรูปแบบที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เนื่องจากประชากรในลาวยังคงมีไม่มาก" สุรเชษฐ กองชีพ กล่าวสรุป.
สุรเชษฐ กองชีพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย จากคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า "นักลงทุนจากประเทศเวียดนาม จีน และไทย เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในประเทศลาวมากที่สุดสามอันดับแรก เพราะทั้งสามประเทศนี้มีชายแดนติดกับประเทศลาว นอกจากนี้แปดในสิบอันดับแรกเป็นนักลงทุนจากประเทศในอาเซียน แม้ว่าลาวจะไม่มีทางออกไปสู่ทะเล แต่ว่าทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมหาศาล และเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะขยายตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้กลายเป็นแม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ"
จำนวนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปีพ.ศ.2555 มีประมาณ 3 ล้านคน มากกว่าปีพ.ศ.2554
สูงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้มากขึ้น เช่น การงดเว้นการขอวีซ่า เส้นทางการบินใหม่ ปีการท่องเที่ยวลาว 2555
มีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปีพ.ศ.2556 มากถึง 3.7 ล้านคนเพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากปีพ.ศ.2555 ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะ "ธุรกิจโรงแรม"ตอนนี้มีโรงแรมที่กำลังก่อสร้างหลายแห่ง โดยมีห้องพักรวมกันประมาณ 990 ห้อง โดยทั้งหมดมีกำหนดที่จะเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2557 นักลงทุนชาวต่างชาติหลายรายลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในเวียงจันทน์ เช่น กลุ่ม HAGL จากเวียดนาม กลุ่มเดอะรีกัล โกลบอลอินเวสท์เม้นท์ และดีเวลลอปเม้นท์ ของสิงคโปร์
โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการของนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีแผนจะพัฒนาในอนาคตในเวียงจันทน์ ก็มีโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ เช่น โครงการ Vientiane New World ตามแนวแม่น้ำโขง โครงการ The World Trade Centre ในใจกลางเวียงจันทน์ โครงการ Vientiane Complex และอีกโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่ม BIM ของเวียดนาม
"ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า" ก็น่าสนใจไม่แพ้ธุรกิจโรงแรม เพราะนักลงทุนชาวต่างชาติหลายรายที่ลงทุนในเวียงจันทน์ในหลายอุตสาหกรรม ต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานคุณภาพที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ที่จอดรถเพียงพอ และการบริหารอาคารที่มีคุณภาพ แม้ว่าจะมีนักลงทุนชาวต่างชาติหลายรายที่เช่าบ้านเดี่ยว หรืออาคารพาณิชย์เพื่อใช้เป็นสำนักงาน
อาคารสำนักงานแห่งแรกในเวียงจันทน์เปิดให้บริการในปี พ.ศ.2536 ใน Chantabuly ซึ่งการขาดแคลนที่ดิน และราคาที่ดินที่เพิ่มสูง ขึ้น เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ ใน Chantabuly ดังนั้นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ จึงอยู่ในพื้นที่อื่น
ค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารสำนักงานในเวียงจันทน์อยู่ที่ 5-15 ดอลลาร์ สหรัฐต่อเดือน ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวก และทำเลที่ตั้ง อาคารสำนักงานส่วนใหญ่ในเวียงจันทน์มีอัตราการเช่าค่อนข้างสูง แม้ว่าจะมีพื้นที่ในอาคารสำนักงานที่ยังคงว่างอยู่ โดยเฉพาะในอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ไกลจากพื้นที่ธุรกิจ
"พื้นที่ค้าปลีก" ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่า สนใจสำหรับชาวต่างชาติ แม้ว่าจำนวนประชากรในเวียงจันทน์จะไม่มาก และไม่เหมาะกับโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อุปทานพื้นที่ค้าปลีก ในเวียงจันทน์มีอยู่ไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่สร้างเสร็จ และเปิดให้บริการใน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ว่าโครงการเหล่านี้ยังคงมีมาตรฐานต่ำ กว่าโครงการอื่น ๆ ในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการแบ่ง และจัด พื้นที่เช่า
โครงการพัฒนาขนาดใหญ่บางโครงการในเวียงจันทน์เป็นการเพิ่มความต้องการพื้นที่ค้าปลีก เพราะในโครงการเหล่านี้มีการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก โรงแรม อาคารสำนักงาน และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ดังนั้น เวียงจันทน์มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอนาคต ไม่ใช่แค่ศูนย์กลางการเดินทางไปหลวงพระบาง เมื่อโครงการเหล่านี้สร้างเสร็จ
"ผู้ประกอบการซูเปอร์สโตร์ มอลล์ และศูนย์การค้าในประเทศไทยก็กำลังมองหาลู่ทางในการเปิดศูนย์การค้าแห่งแรกของตนเองในลาว โดยเฉพาะในเวียงจันทน์ และหลวงพระบาง แต่อาจจะมาในรูปแบบที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เนื่องจากประชากรในลาวยังคงมีไม่มาก" สุรเชษฐ กองชีพ กล่าวสรุป.
ที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น