วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

งานเทศกาลไหมนานาชาติ ปี 2556 สู่ความเป็นสากลรองรับประชาคมอาเซียน


เน้นการจัดกิจกรรมสู่นานาชาติ ทั้งการประชุมวิชาการไหมนานาชาติ, การแสดงไหมและผลิตภัณฑ์ไหมการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชาติอาเซียน และเน้นอนุรักษ์ประเพณีผูกเสี่ยวให้คงอยู่คู่ขอนแก่น
          งานเทศกาลไหม ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ที่นิยมเรียกว่า งานไหมหรืองานเทศกาลไหม จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2522 สมัย นายชำนาญ พจนา เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้ริเริ่มและผลักดันเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจเท่าทุกวันนี้ ซึ่งในปี 2556 จังหวัดขอนแก่นได้ยกระดับงานไหมสู่สากล เปลี่ยนชื่องานเป็น "งานเทศกาลไหมนานาชาติ ปี 2556" เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
          นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า สำหรับการนับปีงานเริ่มเทศกาลไหม ไม่รวมผูกเสี่ยวครั้งแรกจัดในปี 2522 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2556 รวมทั้งสิ้น 36 ปี ) หากนับปีที่เริ่มมีพิธีผูกเสี่ยวเริ่มปี 2523 ปัจจุบัน จะเป็นปีที่ 32 การจัดงานในปีนี้ เห็นสมควรที่จะยกระดับงานไหมขอนแก่นสู่ความเป็นสากลเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่จะมาถึงในปี 2558 ในปี 2556 ปรับรูปแบบงานสู่ความเป็นสากลภายใต้ชื่องาน เทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น (International Silk Festival Pook Xiao Traditional and Cross Fair in Khonkaen เชิญสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา และไทย รูปแบบการจัดงานจัดประชุมสัมมนาจับคู่ธุรกิจระดับ อนุภูมิภาค เรื่องเส้นทางการค้าไหม ณ ลุ่มน้ำโขง (Mekong Silk Road ระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคม 2556 เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจไหม การผลิตไหมสู่ตลาดสากล
          โดยเฉพาะเป็นการเน้นการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานไหม ให้ก้าวสู่สากล เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผ้าไหมของจังหวัดขอนแก่นและของไทยไปสู่อาเซียน, สู่นานาชาติสากล อาทิ การจัดแสดงจำหน่ายผ้าไหม และสินค้าเกี่ยวกับไหม จาก 6 ชาติสมาชิก GMS คือ จีน พม่า ลาว ไทย เวียดนาม กัมพูชา การจัดแสดงนิทรรศการและจำหน่ายผ้าไหมนานาชาติ และจากจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย การประชุมวิชาการเกี่ยวกับผ้าไหม วงจรชีวิตของไหม และการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมจาก 6 ชาติ GMS
          นอกจากนี้ จังหวัดขอนแก่นก็จะยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีการผูกเสี่ยว ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดและอยู่คู่กับจังหวัดขอนแก่นให้คงอยู่สืบไป โดยการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานไหมนานาชาติจะจัดอยู่ในพื้นที่ โดมปรับอากาศ ขนาด 40 x 40 เมตร จำนวน 2 โดม
          การเสวนานวัตกรรมการผลิตไหมโดยผู้เชี่ยวชาญจากจีน สปป.ลาว ธุรกิจไหมระหว่างประเทศโดยไทย กัมพูชา สปป.ลาว การศึกษาดูงานและเจรจาธุรกิจเยี่ยมชมการผลิตหม่อนไหมในพื้นที่ บ้านหัวฝาย ตำบลปอแดง อำเภอชนบท 75 ครัวเรือนต้นแบบในการผลิตไหม การแสดงและจำหน่ายสินค้าจำหน่ายสินค้าผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหมจาก 6 ชาติสมาชิก GMS คือ จีน พม่า ลาว ไทย เวียดนาม กัมพูชา ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 ณ บริเวณด้านหน้าพระธาตุขามแก่น ประกอบด้วยบูธต่างประเทศ บูธในประเทศโดมปรับอากาศ การจัดแสดงนิทรรศการผ้าไหมและเดินแฟชั่นผ้าไหม การจัดแสดงแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม 6 ชาติสมาชิกลุ่มน้ำโขง 30 พ.ย.-1 ธ.ค.56 การแสดงศิลปวัฒนธรรมจีน 3-4 ธ.ค.56 การแสดงของเวียดนาม 5-6 ธ.ค.56 การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย โขนจากมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง ชุดหนุมานชาญกำแหง 8-9 ธ.ค.56 การแสดง สปป.ลาว จังหวัดขอนแก่นเชิญชวนเที่ยวงานและเลือกซื้อผ้าไหมจากประเทศเพื่อนบ้าน ในงานระหว่างวันที่ 29 พ.ย.56- 10 ธ.ค.56 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
          นางเกศินี สวัสดี วัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีแรกที่จังหวัดขอนแก่นมีการพัฒนาและยกระดับงานไหมฯ ไปสู่ระดับนานาชาติ โดยร่วมกับสำนักงานคณะอนุกรรมการภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เชิญชาติสมาชิกประกอบด้วยกัมพูชา จีน ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม แต่ยังคงอนุรักษ์ประเพณีผูกเสี่ยวที่อยู่คู่กับชาวภาคอีสาน และชาวจังหวัดขอนแก่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งในปีนี้จังหวัดขอนแก่นได้มีการค้นหาคู่เสี่ยวในงานเทศกาลไหม และประเพณีผูกเสี่ยวในปีที่ผ่านๆ มา ที่ได้มาผูกเสี่ยว (เป็นเพื่อนกัน) และเชิดชูในงานผูกเสี่ยวปีนี้ สำหรับคู่เสี่ยวกิตติมศักดิ์ที่ทางจังหวัดขอนแก่น คือคู่เสี่ยวของ นายเหงียน ฮิว ดิ้น กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำจังหวัดขอนแก่น กับ ด.ต.พิชิต ศรีวิไล สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เขตอำเภอภูเวียง และคู่เสี่ยวของ นายสินใจ มานีวัน รองกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำจังหวัดขอนแก่น คู่เสี่ยวกับ นายวิรัติ นรคนชม ผู้อำนวยการกองช่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
          นายสุชาติ เกติมา ผอ.สถาบันเพื่อความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง เปิดเผยว่า ในงานปีนี้สถาบันฯ ร่วมกับจังหวัดขอนแก่นได้เชิญประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเทศ คือ จีน ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา และไทย เข้ามาร่วมงานการประชุมวิชาการและจับคู่เจรจาธุรกิจ เรื่อง "เส้นทางไหมลุ่มน้ำโขง" ระหว่างวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2556 ณ โรงแรมราชาวดีรีสอร์ทแอนด์โฮเต็ล จังหวัดขอนแก่น โดยจะมีการเสวนาการอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ผ้าไหมในหัวข้อ การค้าผ้าไหมในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ความสำคัญและการผลิตไหมสู่ตลาดสากลแนวโน้มและโอกาสการค้าในภูมิภาคและนานาชาติ นวัตกรรมการผลิตไหม โดยจะมีการนำคณะผู้เข้าร่วมสัมมนาจาก 6 ประเทศ ลงพื้นที่อำเภอชนบทไปเจรจาจับคู่ธุรกิจการผ้าไหม เยี่ยมชมดูงานการผลิตผ้าไหม แลกเปลี่ยนธุรกิจไหม นอกจากนี้ก็จะมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าจาก 6 ชาติ สมาชิกลุ่มน้ำโขง (GMS) และการแสดงบูธผ้าไหมไทยของกลุ่มจังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น าฬสินธุ์ และมหาสารคาม และจากภาคต่างๆ
          นายนกรณ์ ไกรอนุพงษา ผอ.ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า ในงานนี้กรมหม่อนไหม ได้จัดสร้างโดม ขนาด 40 x 80 เมตรจำนวน 2 หลัง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ กระบวนการ ผลิตหม่อนไหม ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตลอดจนการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตผ้าไหม และพิเศษสุดคือ มีการแสดงชุดผ้าไหมฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และการแสดงแบบแฟชั่นผ้าไหม ให้ผู้สนใจ และผู้มาเที่ยวงานได้ชมโดยใกล้ชิด ในวันที่ 2 ธันวาคม 2556 นอกจากนี้ก็จะมีการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ผ้าไหมจากจีน เวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว รวมทั้งผ้าไหมจากจังหวัดต่างๆในประเทศไทยและจังหวัดขอนแก่นกว่า 70 บูธ การแสดงศิลปวัฒนธรรมของ 4 ชาติ คือ จีน, เวียดนาม, ลาว และไทย ณ เวทีกลางงานเทศกาลไหมนานาชาติฯ พร้อมทั้งให้มีงานมหกรรมอาหารนานาชาติมาจำหน่ายให้ผู้มาเที่ยวชมงาน
          จึงเชิญชวนชาวอีสานร่วมใจผูกเสี่ยวเพื่อสร้างสัมพันธภาพแห่งความรัก ความผูกพันสืบทอดมรดกวัฒนธรรมอันดีงามของชาวอีสานและปีนี้มีคู่เสี่ยวต่างประเทศด้วยในเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2556
ที่มา : บ้านเมือง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น