เวียดนามตอนกลาง
เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยว หนึ่งที่มีเสน่ห์ของประเทศเวียดนาม
เนื่องจากมีต้นทุนทางธรรมชาติและการร้อยเรียงประวัติศาสตร์
ในยุคสงครามเวียดนามให้นักท่องเที่ยวได้เดินตามรอยเท้า
ย้อนรำลึกถึงความกล้าหาญของวีรชนรุ่นก่อนที่เสียสละชีวิต รัฐบาลเวียดนามได้มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม
ช่วงปี 2012 - 2015 หวังนำการท่องเที่ยวมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนามนั้นเริ่มตั้งแต่ ปี 2012
โดยหน่วยงาน การท่องเที่ยวเวียดนามได้เริ่มปฏิบัติและ
เผยแพร่ยุทธศาสตร์การพัฒนาช่วงปี 2012-2020 และวิสัยทัศน์ถึงปี
2030 อย่างเป็นทางการ
หวังผลักดันให้การท่องเที่ยวเวียดนามพัฒนายิ่งขึ้น ช่วยให้เวียดนาม
กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมี ชื่อเสียงของภูมิภาคและโลก ดังนั้น
เพื่อเป็นการพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวของเวียดนามตอนกลาง
การท่องเที่ยวเวียดนามจึงได้เชิญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
รวมถึงหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและนักธุรกิจมาศึกษาดูงาน เพื่อกระชับความสัมพันธ์
และส่งเสริมโอกาสทางการค้า รวมถึงความร่วมมือทางการ ท่องเที่ยวร่วมกัน
โดยคาดหวังว่าจะพัฒนาการท่องเที่ยวของเวียดนามตอนกลางให้มีมาตรฐานรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในอีก 2
ปีข้างหน้าดันเชื่อมท่องเที่ยวไทย-เวียดนาม
นาย Nguyen Van Tuan อธิบดีทบวงการท่องเที่ยวเวียดนาม บอกว่า ประเทศเวียดนามกับไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ทางด้านการท่องเที่ยวสูงมาก แต่ทั้ง 2 ประเทศ ยังไม่มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน เท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อความก้าวหน้า 2 ประเทศ ควรจับมือพัฒนาท่องเยวร่วมกัน ซึ่งจะช่วย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ ให้สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีกทางหนึ่ง สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการ คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สินค้าที่ออกมาของแต่ละประเทศและพื้นที่ได้มาตรฐานเหมาะสมกับความต้องการของนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นในเรื่องของความสะอาดของประเทศเวียดนาม ที่จะต้องมีการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน สำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ารวมไปถึงนักลงทุนต่างๆด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ การเชิญคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยวจากประเทศไทยมา ก็เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม มากขึ้น
นอกจากนี้ ส่วนตัวเห็นว่าท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ดีมากๆ จึงจะน้อมรับ คำแนะนำต่างๆ กลับไปพัฒนาการท่องเที่ยว ของประเทศเวียดนามให้ดียิ่งขึ้น โดย คาดหวังว่าการท่องเที่ยวของเวียดนาม จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามา ในพื้นที่ในปี 2015 นี้กว่า 1ล้านคนเง๋อานพร้อมรับนักท่องเที่ยวไทย
นาย Huynh Than Dien รองผู้ว่าราชการจังหวัดเง๋อาน ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า สำหรับตลาดการท่องเที่ยวของ จ.เง๋อาน นั้น ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเป็นจำนวนมากและมั่นใจว่าจากนี้ต่อไปนักท่องเที่ยวชาวไทย จะเดินทาง เข้ามาในพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจาก ทางจังหวัดมีการพัฒนาในหลายๆ ด้าน โดยจะนำเรื่องท่องเที่ยว มาเป็นอันดับแรกในการสร้างเศรษฐกิจของจังหวัด
เป้าหมายหลัก กลุ่มคนไทยภาคอีสาน ซึ่งเดือนธ.ค.นี้ จะมีการเปิดสายการบิน ต่างประเทศจาก เมืองบิ๋ง กับประเทศลาว คาดว่าเส้นทางนี้จะทำให้มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากไทย จะเดินทางสะดวกและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่วนในเรื่องของการเตรียมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นี้ ทางจังหวัดได้เตรียมยุทธศาสตร์โดยเน้นทางด้านการท่องเที่ยว การศึกษา โดยจะศึกษารูปแบลาว ไทย เพื่อจะนำแผนงานที่ได้เรียนมาปรับปรุงทางด้านการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและปัจจุบันที่จังหวัดมีโรงแรมทั้งหมดประมาณ 300 กว่าโรงแรม ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับท่องเที่ยว ทั้งนี้ที่ จ.เง๋อานเองมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่ เดินทางเข้ามาคือ ลาว 30% ไทย 20 % ส่วนที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวเวียดนามและ ประเทศอื่นๆ 50 %ดึงนักลงทุนเว้นภาษี 4 ปีแรก
นาย Le Tran Sang รองการท่องเที่ยว จ.ฮาติ๋ง ระบุว่า เพื่อดึงดูดนักลงทุน ดังนั้นทางจังหวัดจึงได้มีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ นักลงทุนมีความสนใจ ทั้งเรื่องที่ดิน ภาษี และการพัฒนาท้องถิ่นที่จังหวัดได้ตั้ง เป้าหมายไว้ สำหรับนโยบายนั้นเริ่มจากการใช้กฏหมายร่วมกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่านำมาใช้กับคนเวียดนามหรือนักลงทุนประเทศอื่น
ส่วนในเรื่องของนักลงทุน ที่มีความสนใจลงทุนทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยวนั้น 4 ปีแรก ไม่มีการเก็บภาษี หลังจากนั้น เก็บภาษี 50 % โดยปีที่ 10 เก็บภาษีเต็ม และขณะนี้ จ.ฮาติ๋ง กำลังเจริญมากฉะนั้น จึงมีความต้องการนักธุรกิจที่จะมาลงทุน ทางด้านที่พัก โรงแรม เพื่อจะมารองรับ นักท่องเที่ยวหรือ ที่พักคนงานเนื่องจาก จ.ฮาติ๋งนั้น มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็น จำนวนมากแต่ยังขาดในเรื่องของสถานที่พัก ไทย-เวียดนามตลาดเดียวกัน
นายเกียรติพงษ์ คชวงษ์ ผู้ช่วยการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย จ.อุดรธานี กล่าวว่า จากการ ที่ได้เดินทางมาศึกษาดูงานที่ประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนามตอนกลางนั้น มองว่าตลาดนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดเดียวกัน เพราะฉะนั้นการที่ประเทศไทยมีประชากร 70 กว่าล้านคน เมื่อรวมประเทศเวียดนามที่มีประชากร 80 กว่าล้านคน ตัวเลขการท่องเที่ยวก็จะ เพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านคน และในมุมมองของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การแบ่งเขตการท่องเที่ยวจะไม่มีแล้ว เนื่องจากทุกประเทศได้เล็งเห็นแล้วว่าเรื่องของ การท่องเที่ยว เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเมื่อมาพิจารณาจะเห็นว่าช่วงหน้าการท่องเที่ยวของประเทศเวียดนามนั้ นจะเป็นช่วงเม.ย.-ก.ค.และ ช่วงที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวคือช่วงต.ค.-มี.ค. นับว่าเป็นฤดูการท่องเที่ยวที่กลับกันกับ ฤดูการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดังนั้น จึงเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ทั้ง 2 ประเทศกันได้
ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. ได้วางแผนที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยว จากประเทศเวียดนาม ซึ่งมีอัตราการขยายตัว เพิ่มขึ้นทุกปี โดยส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามา เพื่อท่องเที่ยวตามเส้นทางการเดินทางของ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยจะเดินทางไป 3 จังหวัด คือ จ.พิจิตร จ.อุดรธานีและจ.นครพนม
นาย Nguyen Van Tuan อธิบดีทบวงการท่องเที่ยวเวียดนาม บอกว่า ประเทศเวียดนามกับไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ทางด้านการท่องเที่ยวสูงมาก แต่ทั้ง 2 ประเทศ ยังไม่มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน เท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อความก้าวหน้า 2 ประเทศ ควรจับมือพัฒนาท่องเยวร่วมกัน ซึ่งจะช่วย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ ให้สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีกทางหนึ่ง สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการ คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สินค้าที่ออกมาของแต่ละประเทศและพื้นที่ได้มาตรฐานเหมาะสมกับความต้องการของนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นในเรื่องของความสะอาดของประเทศเวียดนาม ที่จะต้องมีการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน สำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ารวมไปถึงนักลงทุนต่างๆด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ การเชิญคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยวจากประเทศไทยมา ก็เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม มากขึ้น
นอกจากนี้ ส่วนตัวเห็นว่าท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ดีมากๆ จึงจะน้อมรับ คำแนะนำต่างๆ กลับไปพัฒนาการท่องเที่ยว ของประเทศเวียดนามให้ดียิ่งขึ้น โดย คาดหวังว่าการท่องเที่ยวของเวียดนาม จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามา ในพื้นที่ในปี 2015 นี้กว่า 1ล้านคนเง๋อานพร้อมรับนักท่องเที่ยวไทย
นาย Huynh Than Dien รองผู้ว่าราชการจังหวัดเง๋อาน ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า สำหรับตลาดการท่องเที่ยวของ จ.เง๋อาน นั้น ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเป็นจำนวนมากและมั่นใจว่าจากนี้ต่อไปนักท่องเที่ยวชาวไทย จะเดินทาง เข้ามาในพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจาก ทางจังหวัดมีการพัฒนาในหลายๆ ด้าน โดยจะนำเรื่องท่องเที่ยว มาเป็นอันดับแรกในการสร้างเศรษฐกิจของจังหวัด
เป้าหมายหลัก กลุ่มคนไทยภาคอีสาน ซึ่งเดือนธ.ค.นี้ จะมีการเปิดสายการบิน ต่างประเทศจาก เมืองบิ๋ง กับประเทศลาว คาดว่าเส้นทางนี้จะทำให้มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากไทย จะเดินทางสะดวกและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่วนในเรื่องของการเตรียมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นี้ ทางจังหวัดได้เตรียมยุทธศาสตร์โดยเน้นทางด้านการท่องเที่ยว การศึกษา โดยจะศึกษารูปแบลาว ไทย เพื่อจะนำแผนงานที่ได้เรียนมาปรับปรุงทางด้านการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและปัจจุบันที่จังหวัดมีโรงแรมทั้งหมดประมาณ 300 กว่าโรงแรม ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับท่องเที่ยว ทั้งนี้ที่ จ.เง๋อานเองมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่ เดินทางเข้ามาคือ ลาว 30% ไทย 20 % ส่วนที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวเวียดนามและ ประเทศอื่นๆ 50 %ดึงนักลงทุนเว้นภาษี 4 ปีแรก
นาย Le Tran Sang รองการท่องเที่ยว จ.ฮาติ๋ง ระบุว่า เพื่อดึงดูดนักลงทุน ดังนั้นทางจังหวัดจึงได้มีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ นักลงทุนมีความสนใจ ทั้งเรื่องที่ดิน ภาษี และการพัฒนาท้องถิ่นที่จังหวัดได้ตั้ง เป้าหมายไว้ สำหรับนโยบายนั้นเริ่มจากการใช้กฏหมายร่วมกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่านำมาใช้กับคนเวียดนามหรือนักลงทุนประเทศอื่น
ส่วนในเรื่องของนักลงทุน ที่มีความสนใจลงทุนทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยวนั้น 4 ปีแรก ไม่มีการเก็บภาษี หลังจากนั้น เก็บภาษี 50 % โดยปีที่ 10 เก็บภาษีเต็ม และขณะนี้ จ.ฮาติ๋ง กำลังเจริญมากฉะนั้น จึงมีความต้องการนักธุรกิจที่จะมาลงทุน ทางด้านที่พัก โรงแรม เพื่อจะมารองรับ นักท่องเที่ยวหรือ ที่พักคนงานเนื่องจาก จ.ฮาติ๋งนั้น มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็น จำนวนมากแต่ยังขาดในเรื่องของสถานที่พัก ไทย-เวียดนามตลาดเดียวกัน
นายเกียรติพงษ์ คชวงษ์ ผู้ช่วยการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย จ.อุดรธานี กล่าวว่า จากการ ที่ได้เดินทางมาศึกษาดูงานที่ประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนามตอนกลางนั้น มองว่าตลาดนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดเดียวกัน เพราะฉะนั้นการที่ประเทศไทยมีประชากร 70 กว่าล้านคน เมื่อรวมประเทศเวียดนามที่มีประชากร 80 กว่าล้านคน ตัวเลขการท่องเที่ยวก็จะ เพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านคน และในมุมมองของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การแบ่งเขตการท่องเที่ยวจะไม่มีแล้ว เนื่องจากทุกประเทศได้เล็งเห็นแล้วว่าเรื่องของ การท่องเที่ยว เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเมื่อมาพิจารณาจะเห็นว่าช่วงหน้าการท่องเที่ยวของประเทศเวียดนามนั้ นจะเป็นช่วงเม.ย.-ก.ค.และ ช่วงที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวคือช่วงต.ค.-มี.ค. นับว่าเป็นฤดูการท่องเที่ยวที่กลับกันกับ ฤดูการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดังนั้น จึงเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ทั้ง 2 ประเทศกันได้
ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. ได้วางแผนที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยว จากประเทศเวียดนาม ซึ่งมีอัตราการขยายตัว เพิ่มขึ้นทุกปี โดยส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามา เพื่อท่องเที่ยวตามเส้นทางการเดินทางของ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยจะเดินทางไป 3 จังหวัด คือ จ.พิจิตร จ.อุดรธานีและจ.นครพนม
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น