วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

'ทีเส็บ' วางกลยุทธ์'3Cs' ดันรายได้ไมซ์ปี57แตะ9.69หมื่นล.


            ท่ามกลางปัญหาชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นใน ขณะนี้ จะมีผลอย่างไรต่อธุรกิจไมซ์ของประ  เทศไทย และแนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของทีเส็บในปีหน้าจะมีทิศทางอย่างไร อ่านได้จากการสะท้อนมุมมองของ นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ
          มั่นใจไมซ์ปีนี้โตเกินเป้า
          บอสใหญ่ทีเส็บ มองว่า การชุมนุมทางการเมืองของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไมซ์ไทย เพราะในขณะนี้การจัดงานด้านไมซ์ต่างๆที่วางไว้แล้วก็ยังเดินหน้าต่อ ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจัดงานไมซ์ต่างๆไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการชุมนุม แต่ทีเส็บก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประ เทศไทย(ททท.) เพื่อตั้งเป็นศูนย์บอกข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว และทีเส็บก็มีการอัพเดตข่าวสารบนหน้าเว็บไซต์ตลอดทุกช่วงเวลาของการเคลื่อนไหวสถานการณ์ รวมไปถึงติดต่อสอบ ถามเรื่องความจำนงในการจัดงานแก่ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา
          รวมถึงทีเส็บยังได้เตรียมแผนรับมือในกรณีหากสถาน การณ์การชุมนุมเกิดความรุนแรงหรือไม่อยู่ในกรอบของความสงบ จนนำไปสู่การที่ประเทศต่างๆประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ ทีเส็บก็มองการโปรโมตการจัดงานไมซ์ในจังหวัดไมซ์ซิตีใน 4 จังหวัดทั้ง เชียงใหม่ ภูเก็ต 
ขอนแก่น และพัทยา ก็ยังมีศักยภาพมากพอที่จะรองรับการจัดงาน
          "มองจากสถานการณ์ในขณะนี้ ผมก็ยังมั่นใจว่าเป้าหมายการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์มากกว่า 1 ล้านคนในปีนี้ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่อยู่ที่ 9.4 แสนคน และประเทศไทยจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์กว่า 8.8 หมื่นล้านบาท จากจำนวนการจัดงานด้านไมซ์รวมกว่า 516 งาน"
          ขับเคลื่อนไมซ์ตลาดเอเชีย
          หากแยกเป็นรายตลาดจะพบว่า ผู้เดินทางกลุ่มไมซ์สูงสุดจะมาจากเอเชีย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 75.25%, ยุโรป 10.06% และอเมริกา 4.72% ซึ่ง 5 ประเทศที่มีนักเดินทางไมซ์สูงสุด ได้แก่ ประเทศจีน อินเดีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะทีเส็บ ให้ความสำคัญในการดึงงานระดับนานาชาติจากต่างประเทศมาจัดในประเทศไทย ภายใต้การเน้นจุดเด่นที่มีอยู่ใน 3 มิติหลัก คือความได้เปรียบทางทำเลที่ตั้งที่สามารถเชื่อมโยงไปในหลายๆ ประเทศได้ ความหลากหลายทางการท่องเที่ยวที่มีให้เลือกหลังการเดินทางมาเพื่อจัดประชุม และสัมมนา รวมไปถึงความเป็นมืออาชีพของบุคลากร
          "เป้าหมายการทำงานของทีเส็บ จะเน้นขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย พร้อมกับส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น TOP OF MIND ของอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้าการเติบโตของจำนวน และรายได้ในปี 2557 ว่า จะสามารถเพิ่มจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ขึ้นเป็น 5% สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์เพิ่มขึ้น 10% คิดเป็นมูลค่า 9.69 หมื่นล้านบาท"
          ชู 5 ยุทธศาสตร์แผนปีหน้า
          เอ็มดีทีเส็บ ยังฉายภาพการทำงานในปีหน้าว่า ทีเส็บ จะใช้งบกว่า 880 ล้านบาท เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่เป้าหมายศูนย์กลางการจัดประชุมในภูมิภาคเอเชีย  โดยเน้นดำเนินการใน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ตามแผนแม่บทอุตสาหกรรมไมซ์ปี 2555-2559 คือ 1.รักษาตลาดเดิม-ขยายตลาดใหม่ 2. ผลักดันให้ไทยเป็น Top  of  Mind ของภูมิภาคเอเชีย 3. สร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 4. เสริมสร้างความเข้มแข็งระหว่างเครือข่ายความร่วมมือทั้งใน และต่างประเทศ และ 5. ยกระดับศักยภาพและบทบาทของทีเส็บ
          ขณะเดียวกันยังได้วางแนวทางพัฒนาตามวิสัยทัศน์ในปี 2557 คือ "การยกระดับไมซ์ไทยสู่ตลาดคุณภาพ" โดยบูรณาการเข้ากับยุทธศาสตร์ของประเทศตามนโยบายรัฐบาล หรือ Thailand' s New Growth Model มาเป็นรากฐานของการพัฒนาแผนแม่บทประจำปี เน้นเจาะกลุ่มตลาดในภาคอุตสาห กรรมอาหาร เกษตร ยานยนต์ และเมดิคัล เป็นหลัก ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ดึงงานในกลุ่มคุณภาพ เช่น การเงิน การธนาคาร และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้จะพัฒนาตลาดตามนโยบายรัฐบาลเพื่อเจาะกลุ่ม วัฒนธรรม เอนเตอร์เทนเมนต์ และพลังงาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดใหม่ไฟแรงที่ทางรัฐบาลมองว่าจะเติบโตดีในปีหน้า
          นอกจากนี้ทีเส็บ ยังได้ใช้กลยุทธ์ทำการตลาดด้วยแผน "3Cs" ประกอบไปด้วย 1.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกระดับจากท้องถิ่นสู่ระดับโลก (Corcreation) 2.จัดแบ่งกลุ่ม
          ตลาดเชิงกลยุทธ์ทั้งในและต่างประเทศ (Cuatomisation) และ 3.การใช้เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ (Creativity) เพื่อสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน
          สำหรับภาพรวมของการจัดงานไมซ์ในปีหน้า เบื้องต้นมีงานธุรกิจไมซ์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ที่คอนเฟิร์มการจัดในไทยซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้ว ประมาณ 70-100 งาน เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็มีไฮไลต์งานสำคัญที่คาดว่าจะนำจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าสู่ประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล อาทิ Unicity Global Convention จำนวน 2 หมื่นคน, Herbal Life Asia Pacific World Team University 2013 ราว 1.2 หมื่นคน และ Jeunesse Expo-Annual World Conference 2013 จำนวน 5,000 คน
          รวมไปถึงกลุ่มการประชุมนานาชาติ อาทิ งาน World Marketing Forum 2014 จำนวน 4,000 คน, งาน International Congress of Pharmaceutical Sciences-FIP 2014
          จำนวน 2,500 คน และงาน The 3 Global Congress for Consensus จำนวน 2,000 คน กลุ่มการแสดงสินค้านานาชาติ อาทิ งาน Metalex 2014 จำนวน 5 หมื่นคน, งาน Intermach 2014 จำนวน 4 หมื่นคน, งาน Propak 2014 จำนวน 3 หมื่นคน และงาน TFBO&TRAFS 2014 จำนวน 2.5 หมื่นคน เป็นต้น
          ทั้งหมดล้วนเป็นภาพรวมของธุรกิจไมซ์ไทยในขณะนี้ และแนวโน้มการผลักดันธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น