ชี้ธุรกิจไทยแกร่งขยายลงทุนนอกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แบงก์กรุงเทพโชว์ความเก๋าแข่งแบงก์ต่างชาติ ในอาเซียน หวังเป็นบีโอไอให้ลูกค้าระหว่างประเทศ เผยธุรกรรมในสิงคโปร์ปีนี้โต 20% จากการ ลงทุนข้ามชาติที่เข้าสู่เออีซี โดยเฉพาะลูกค้าไทยที่ออกไปลงทุนซื้อกิจการต่างประเทศ ผ่านสาขาสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น มองแนวโน้มยังโต 2 หลัก พร้อมขยายฐานลูกค้าอาเซียนเพิ่มเป็น 50% ในอีก 3 ปี
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารมีเครือข่าย สาขาต่างประเทศอยู่ 26 สาขาและ 1 สำนักงานตัวแทน โดยกลยุทธ์รับมือกับโอกาสจากการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีนั้น ธนาคารได้วางยุทธศาสตร์ให้สาขาต่างประเทศแต่ละแห่งทำหน้าที่เหมือนสำนักงานสนับสนุนการลงทุนหรือบีโอไอให้ลูกค้าของกันและกัน ทั้งการให้ข้อมูลและส่งต่อการดูแลระหว่างสาขา
ซึ่งธนาคารสามารถใช้จุดแข็งจากการทำธุรกิจในต่างประเทศเป็นเวลานานสร้างความความแตกต่างของการให้บริการผ่านสาขาต่างประเทศ โดยในปีนี้สาขาต่างประเทศของธนาคารทั้งฮ่องกงและสิงคโปร์ได้เปิดดำเนินการมาครบ 60 ปีและ 50 ปีตามลำดับ
"การมีรากฐานที่ยาวนานในแต่ละประเทศ เป็นเมื่อเทียบกับธนาคารต่างประเทศบางแห่งที่เพิ่งเริ่มขยายการลงทุนไปต่างประเทศ โดยธนาคารจะมีข้อมูลการลงทุนที่ลึกซึ้งมากพอและมีความสัมพันธ์กับเครือข่ายต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลูกค้าในการเข้าไปลงทุนได้ โดยปัจจุบันสินเชื่อในประเทศสิงคโปร์ถือเป็นอันดับ 3 ของสินเชื่อจากเครือข่ายต่างประเทศทั้งหมดของธนาคารที่มีกว่า 18% ของสินเชื่อรวม ซึ่งสัดส่วนสินเชื่อจากฮ่องกงมีสูงสุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยสินเชื่อ จากจีนและอินโดนีเซียเป็นอันดับ 4 กลยุทธ์ของเราคือสาขาแต่ละแห่งทำตัวเป็นผู้ส่งเสริมการลงทุกค้าระหว่างประเทศในเครือข่ายเดียวกัน"
ทางด้านนายเจริญลาภ ธรรมาณิชานนท์ ผู้จัดการการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาสิงคโปร์ กล่าวว่า ในปี 2556 ธุรกิจในประเทศสิงคโปร์เติบโตได้ 20% จากปี 2555 ทั้งในแง่สินเชื่อและเงินฝาก จากธุรกรรมการลงทุนระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในเออีซี ทั้งการซื้อขายกิจการข้ามประเทศที่ธนาคารมีส่วนเข้าไปสนับสนุนทางการเงิน โดยแนวโน้มในระยะถัดไปเชื่อว่าจะยังเห็นการเติบโตในระดับ 2 หลัก ขณะที่ฐานลูกค้าจากไทยมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นในสาขาสิงคโปร์จากช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้มี 10% ขณะนี้เพิ่มเป็น 20% สะท้อนว่าลูกค้าไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้นสามารถขยายการลงทุนออกมาในภูมิภาคมากขึ้น
เขากล่าวอีกว่า การเข้าสู่เออีซีทำให้บริบทของการแข่งขันเปลี่ยนไปธนาคารคาดว่าในระยะ 3 ปีข้างหน้า ลูกค้าจากอาเซียนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีเพียง 30% โดยในแง่ ของเงินฝากธนาคารเปิดรับมาจากธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลักเช่นกัน และกว่า 50% เป็นเงินฝากท้องถิ่นอีก 50% มาจากภูมิภาค โดยความมั่งคั่งจากการทำธุรกิจของลูกค้า ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดเงินฝากมากขึ้นโดยเน้นลูกค้าชั้นดี และขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง
สำหรับในแง่การแข่งขันของธุรกิจต่างประเทศในสิงคโปร์นั้นมีสูงมากจากจำนวนธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน เนื่องจากมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด แต่จะเห็นได้ในขณะนี้ทางการสิงคโปร์เริ่มเปิดให้ต่างประเทศเข้ามายากมากขึ้น หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้สิงคโปร์รู้ว่าการมีเศรษฐกิจระบบเปิดทำให้ได้รับผลกระทบได้เร็ว ในส่วนของธนาคารกรุงเทพได้เข้ามาเปิดสาขามาเป็นเวลานาน ก่อนที่สิงคโปร์จะแยกออกมาเป็นประเทศ มีความเชี่ยวชาญทางด้านการค้าระหว่างประเทศ และการส่งออก โดยสาขาสิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้า เนื่องจากมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี
"ธนาคารกรุงเทพอยู่มานาน ลูกค้าไม่ได้มองเราเป็นธนาคารไทย 100% แต่มองเป็นแบงก์ Oversea Chinease กว่า 80% ของลูกค้าเป็นต่างชาติ มีลูกค้าไทยเพียง 20% ซึ่งสัดส่วนลูกค้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าไทยไม่ถึง 10% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและสิงคโปร์ที่มีการค้าในภูมิภาค ซึ่งการให้สินเชื่อ ในสิงคโปร์ไม่ใช่เพื่อการลงทุนในประเทศ แต่เป็นแหล่งการระดมทุนเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ เช่นผลิตสินค้าในอินโดนีเซียส่งขายไปในภูมิภาคอื่น แต่มาใช้สินเชื่อจากสิงคโปร์ ซึ่งเราอยู่ในจุดที่ได้เปรียบมากในเออีซี มีฐานลูกค้าในเออีซีแล้วยังมีเครือข่ายช่วยเสริม"
แบงก์กรุงเทพโชว์ความเก๋าแข่งแบงก์ต่างชาติ ในอาเซียน หวังเป็นบีโอไอให้ลูกค้าระหว่างประเทศ เผยธุรกรรมในสิงคโปร์ปีนี้โต 20% จากการ ลงทุนข้ามชาติที่เข้าสู่เออีซี โดยเฉพาะลูกค้าไทยที่ออกไปลงทุนซื้อกิจการต่างประเทศ ผ่านสาขาสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น มองแนวโน้มยังโต 2 หลัก พร้อมขยายฐานลูกค้าอาเซียนเพิ่มเป็น 50% ในอีก 3 ปี
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารมีเครือข่าย สาขาต่างประเทศอยู่ 26 สาขาและ 1 สำนักงานตัวแทน โดยกลยุทธ์รับมือกับโอกาสจากการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีนั้น ธนาคารได้วางยุทธศาสตร์ให้สาขาต่างประเทศแต่ละแห่งทำหน้าที่เหมือนสำนักงานสนับสนุนการลงทุนหรือบีโอไอให้ลูกค้าของกันและกัน ทั้งการให้ข้อมูลและส่งต่อการดูแลระหว่างสาขา
ซึ่งธนาคารสามารถใช้จุดแข็งจากการทำธุรกิจในต่างประเทศเป็นเวลานานสร้างความความแตกต่างของการให้บริการผ่านสาขาต่างประเทศ โดยในปีนี้สาขาต่างประเทศของธนาคารทั้งฮ่องกงและสิงคโปร์ได้เปิดดำเนินการมาครบ 60 ปีและ 50 ปีตามลำดับ
"การมีรากฐานที่ยาวนานในแต่ละประเทศ เป็นเมื่อเทียบกับธนาคารต่างประเทศบางแห่งที่เพิ่งเริ่มขยายการลงทุนไปต่างประเทศ โดยธนาคารจะมีข้อมูลการลงทุนที่ลึกซึ้งมากพอและมีความสัมพันธ์กับเครือข่ายต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลูกค้าในการเข้าไปลงทุนได้ โดยปัจจุบันสินเชื่อในประเทศสิงคโปร์ถือเป็นอันดับ 3 ของสินเชื่อจากเครือข่ายต่างประเทศทั้งหมดของธนาคารที่มีกว่า 18% ของสินเชื่อรวม ซึ่งสัดส่วนสินเชื่อจากฮ่องกงมีสูงสุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยสินเชื่อ จากจีนและอินโดนีเซียเป็นอันดับ 4 กลยุทธ์ของเราคือสาขาแต่ละแห่งทำตัวเป็นผู้ส่งเสริมการลงทุกค้าระหว่างประเทศในเครือข่ายเดียวกัน"
ทางด้านนายเจริญลาภ ธรรมาณิชานนท์ ผู้จัดการการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาสิงคโปร์ กล่าวว่า ในปี 2556 ธุรกิจในประเทศสิงคโปร์เติบโตได้ 20% จากปี 2555 ทั้งในแง่สินเชื่อและเงินฝาก จากธุรกรรมการลงทุนระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในเออีซี ทั้งการซื้อขายกิจการข้ามประเทศที่ธนาคารมีส่วนเข้าไปสนับสนุนทางการเงิน โดยแนวโน้มในระยะถัดไปเชื่อว่าจะยังเห็นการเติบโตในระดับ 2 หลัก ขณะที่ฐานลูกค้าจากไทยมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นในสาขาสิงคโปร์จากช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้มี 10% ขณะนี้เพิ่มเป็น 20% สะท้อนว่าลูกค้าไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้นสามารถขยายการลงทุนออกมาในภูมิภาคมากขึ้น
เขากล่าวอีกว่า การเข้าสู่เออีซีทำให้บริบทของการแข่งขันเปลี่ยนไปธนาคารคาดว่าในระยะ 3 ปีข้างหน้า ลูกค้าจากอาเซียนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีเพียง 30% โดยในแง่ ของเงินฝากธนาคารเปิดรับมาจากธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลักเช่นกัน และกว่า 50% เป็นเงินฝากท้องถิ่นอีก 50% มาจากภูมิภาค โดยความมั่งคั่งจากการทำธุรกิจของลูกค้า ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดเงินฝากมากขึ้นโดยเน้นลูกค้าชั้นดี และขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง
สำหรับในแง่การแข่งขันของธุรกิจต่างประเทศในสิงคโปร์นั้นมีสูงมากจากจำนวนธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน เนื่องจากมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด แต่จะเห็นได้ในขณะนี้ทางการสิงคโปร์เริ่มเปิดให้ต่างประเทศเข้ามายากมากขึ้น หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้สิงคโปร์รู้ว่าการมีเศรษฐกิจระบบเปิดทำให้ได้รับผลกระทบได้เร็ว ในส่วนของธนาคารกรุงเทพได้เข้ามาเปิดสาขามาเป็นเวลานาน ก่อนที่สิงคโปร์จะแยกออกมาเป็นประเทศ มีความเชี่ยวชาญทางด้านการค้าระหว่างประเทศ และการส่งออก โดยสาขาสิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้า เนื่องจากมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี
"ธนาคารกรุงเทพอยู่มานาน ลูกค้าไม่ได้มองเราเป็นธนาคารไทย 100% แต่มองเป็นแบงก์ Oversea Chinease กว่า 80% ของลูกค้าเป็นต่างชาติ มีลูกค้าไทยเพียง 20% ซึ่งสัดส่วนลูกค้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าไทยไม่ถึง 10% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและสิงคโปร์ที่มีการค้าในภูมิภาค ซึ่งการให้สินเชื่อ ในสิงคโปร์ไม่ใช่เพื่อการลงทุนในประเทศ แต่เป็นแหล่งการระดมทุนเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ เช่นผลิตสินค้าในอินโดนีเซียส่งขายไปในภูมิภาคอื่น แต่มาใช้สินเชื่อจากสิงคโปร์ ซึ่งเราอยู่ในจุดที่ได้เปรียบมากในเออีซี มีฐานลูกค้าในเออีซีแล้วยังมีเครือข่ายช่วยเสริม"
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น