วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

นักวิชาการชี้เปิด AEC กระทบการกินเหตุอาหารราคาถูก


                ดร.แอน มารี โทว์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า การเปิดการค้าเสรีนอกจากทำให้มีอาหารหลากหลายมากขึ้นแล้ว การแข่งขันแย่งชิงตลาดยังอาจส่งผลให้ราคาอาหารลดลง ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร อันนำมาสู่โรคอ้วนและโรคไม่ติดต่ออื่นๆ ดังนั้น การประชุมนี้ ผู้ที่เข้าร่วมประชุมจะได้มีโอกาสทราบถึงข้อมูลการเปิดการค้าเสรีที่มีผลต่อเรื่องอาหารการกินและสุขภาพในภาพรวมของต่างประเทศ เพื่อเป็นกรณีศึกษาหรือเป็นตัวอย่างให้ประเทศไทยเตรียมความพร้อมกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้าน รศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เสริมว่า เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ยุค AEC ย่อมหลีกเลี่ยงความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อาหารและโภชนาการเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เนื่องจากจะมีอาหารหลากหลายชนิดในท้องตลาด นอกจากนี้อาหารจะมีต้นทุนต่ำ ทำให้ราคาถูกลง ผู้บริโภคจึงสามารถเข้าถึงอาหารที่หลากหลายและได้มากขึ้น ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่า การที่ประเทศไทยเข้าสู่ยุค AEC น่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทย การประชุมวิชาการของแผนงานอาหาร จึงเป็นเวทีให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาร่วมกันทบทวนสถานะของประเทศไทยเพื่อทราบความพร้อมและจุดอ่อนต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนจัดการเรื่องปัญหาอาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคล้นทะลักและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย 

ดร.บัญชร ส่งสัมพันธ์ ผู้แทนกรมสรรพสามิต กล่าวว่า มีหลักฐานเชิงวิชาการและงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า ในระยะสั้นนโยบายด้านราคาและภาษีมีผลต่อการลดการบริโภคได้ดีกว่าการให้ความรู้ ดังนั้น นโยบายทางด้านราคาและภาษี โดยเฉพาะภาษีสรรพสามิตจึงน่าจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของคนไทย และการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ยุค AEC นั้น นโยบายทางด้านภาษีมีความสำคัญอย่างไร หาคำตอบได้ที่งานประชุมวิชาการประจำปีของแผนงานวิจัยนโยบายอาหารฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ม.ค.56 ที่โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ ถ.เจริญกรุง กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมกันกำหนดหัวข้องานวิจัย เพื่อสนับสนุนกระบวนการพัฒนานโยบายอาหารและโภชนาการของประเทศ รวมถึงแนวทางการรับมือด้านอาหารและโภชนาการก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการเปิดเสรีทางการค้าของประเทศไทยต่อไป 
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น