นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด
(มหาชน) ผู้ผลิตแป้งสาลีในเครือบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัทเตรียมขยายการลงทุน 550
ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแป้งสาลีเป็นวันละ 500 ตัน จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตที่ 250 ตัน
ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทเป็นผู้ผลิตแป้งข้าวสาลีรายใหญ่ติดอันดับ
1 ใน 3 ของไทย ในขณะที่แผนการตลาด
บริษัทจะขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กมากขึ้น
จากเดิมที่เน้นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นหลัก
รวมถึงจะกระจายสินค้าไปยังตลาดในต่างจังหวัดครอบคลุมภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ
รวมถึงภาคใต้ด้วย จากเดิมที่เน้นฐานให้กับลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนดังกล่าวส่วนหนึ่งจะมาจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 85 ล้านหุ้นในเดือนพ.ย.นี้ ในขณะที่เงินจากการขายหุ้นอีกส่วนหนึ่งจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับภาพรวมในปี 2555 บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าปี 2554 ที่อยู่ในระดับ 18.2% และหลังจากที่บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตแป้งสาลีแล้วเสร็จ คาดว่าจะทำให้รายได้และกำไรในปี 2557 ของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว เนื่องจากต้นทุนลดลง
ขณะเดียวกันจะขยายตลาดไปยังพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึง และมีโอกาสขยายปริมาณขายให้กับลูกค้ามากขึ้น หลังมีการขยายกำลังการผลิต จากปัจจุบันที่ควบคุมปริมาณการขายที่ 30% ต่อราย และหลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ใน ปี 2558 บริษัทมีแผนจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยบริษัทได้เริ่มเจรจากับเอเยนต์หลายรายในต่างประเทศแล้ว
อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนดังกล่าวส่วนหนึ่งจะมาจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 85 ล้านหุ้นในเดือนพ.ย.นี้ ในขณะที่เงินจากการขายหุ้นอีกส่วนหนึ่งจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับภาพรวมในปี 2555 บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าปี 2554 ที่อยู่ในระดับ 18.2% และหลังจากที่บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตแป้งสาลีแล้วเสร็จ คาดว่าจะทำให้รายได้และกำไรในปี 2557 ของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว เนื่องจากต้นทุนลดลง
ขณะเดียวกันจะขยายตลาดไปยังพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึง และมีโอกาสขยายปริมาณขายให้กับลูกค้ามากขึ้น หลังมีการขยายกำลังการผลิต จากปัจจุบันที่ควบคุมปริมาณการขายที่ 30% ต่อราย และหลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ใน ปี 2558 บริษัทมีแผนจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยบริษัทได้เริ่มเจรจากับเอเยนต์หลายรายในต่างประเทศแล้ว
ที่มา : ข่าวสด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น