วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

AEC หนุนตลาดบนอสังหาคึก


          แอลพีเอ็นชี้ตลาดอสังหาฯ ระดับบนคึกรับเออีซี หลังพบผู้ประกอบการต่างชาติมีแนวโน้มบุกตลาดไทยมากขึ้น ล่าสุดเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ปิดท้ายปี หวังโกยยอด 16,000 ล้านบาท
          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรม การผู้จัดการ บริษัท แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเม้นท์  จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวรองรับการเปิด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ระดับบน เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า ส่งผลให้มีหลายธุรกิจให้ความสนใจเข้ามาเปิดสำนักงานในไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ ในเมืองเพิ่มตามไปด้วย
          ทั้งนี้ หากมองในทางกลับกันการแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ ก็จะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากจะมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาฯ ระดับบนในไทยมากขึ้น ขณะที่ตลาดกลางและล่างไม่น่าจะแข่งขันกันรุนแรง เพราะการทำตลาดอสังหาฯ ในระดับดังกล่าว ผู้ประกอบการต้องมีความรู้เรื่องวัฒนธรรมและทำเลค่อนข้างมาก แต่หากมีการเข้ามาทำตลาดอาจใช้วิธีร่วมทุนกับผู้ประกอบการในประเทศ
          "นอกจากตลาดในกรุงเทพฯ จะมีแนวโน้มที่ดีหลังเปิดเออีซีแล้ว ในส่วนของตลาดต่างจังหวัดก็จะมีการเติบโตที่ดีเช่นกัน เพราะจะมีการเชื่อมต่อเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บาง จังหวัดถูกตั้งเป็นศูนย์กลางการ ขนส่ง  และทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดเพิ่มขึ้น" นายโอภาสกล่าว
          สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 2 แห่ง โดยในเดือน ต.ค.นี้จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์คอนโดทาวน์ ในซอยเพชรบ้านสวน 16 จ.ชลบุรี จำนวน 4,000 ยูนิต  จำนวน 20 ตึก บนพื้นที่ 35 ไร่ ราคาขายเริ่มต้น 580,000 บาทต่อยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีจำนวนพนักงานกว่า 1 ล้านคน
          ส่วนคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้ภายใต้แบรนด์ ลุมพินี วิลล์ ซอยสุขสวัสดิ์ 2 รวมมูลค่าโครงการ 2,000-3,000 ล้าน บาท  ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตที่ประ มาณ 1 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระ หว่างวางแผนการดำเนินงานและ ออกแบบ ซึ่งจากการเปิดตัวโครง การใหม่ดังกล่าว คาดว่าสิ้นปีจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15,000-16,000 ล้านบาท ปัจจุ บันยอดขายอยู่ที่  13,000 ล้านบาท.
ที่มา : ไทยโพสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น