KSL รับเจรจาพันธมิตรธุรกิจเครื่องดื่มใน-นอกประเทศ
มูลค่า 3-4 พันล้านบาท หวังต่อยอดธุรกิจ คาดกลางปีหน้ารู้ผล
พร้อมมองราคาน้ำตาลปีหน้าต่ำกว่า 25 เซ็นต์ต่อปอนด์จากราว 26-27
เซ็นต์ต่อปอนด์ในปีนี้ จากความต้องการชะลอตัว และตั้งงบปีหน้า 2
พันล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักร และจ่ายคงค้างโงงานที่เลย
แย้มสนใจสร้างโรงงานน้ำตาล ในพม่า นายชลัช ชินธรรมมิตร์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL กล่าวถึงความคืบหน้าการซื้อกิจการเครื่องดื่มว่า
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ มูลค่าประมาณ 3-4 พันล้านบาท
ทั้งนี้การซื้อกิจการเครื่องดื่มนั้น เป็นการต่อยอดธุรกิจหลักคือธุรกิจการผลิต และจำหน่ายน้ำตาล และยังสร้างความแข็งแกร่ง รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดว่าจะสรุปกลางปีหน้า
สำหรับรูปแบบของการซื้อกิจการเครื่องดื่มนั้น อาจเป็นลักษณะการจ่ายเงินสดส่วนหนึ่ง และอีกส่วนจะให้ผู้ถือหุ้นในกิจการดังกล่าว เข้าถือหุ้นใน KSL เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัท และเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มชินธรรมมิตร์ อาจจะลดลง 10-20% จากปัจจุบันที่ถือหุ้นใน KSL สัดส่วนราว 65%
ส่วนยอดขายปี 2555/2556 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากราว 2.3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ หลังโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ในจังหวัดเลยแล้วเสร็จ และจะเริ่มผลิตในปลายเดือนธันวาคมนี้
ดังนั้นคาดว่าปีหน้าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านตันอ้อยซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตน้ำตาล 8 แสนตัน จาก 7.3 แสนตันในปีนี้ โดยปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นทำให้มีกากอ้อยผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น และมีกากน้ำตาลผลิตเอทานอลมากขึ้นในปีหน้า นอกจากนี้ตั้งเป้าผลิตและขายเอทานอลเต็มกำลังการผลิตที่ระดับ 100-105 ล้านลิตร และการผลิตและขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอล คิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของกำไรรวม ขณะที่ธุรกิจน้ำตาล ทำกำไรได้ราว 60% ของกำไรรวม นายชลัช กล่าวเพิ่มว่า ราคาน้ำตาลในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 25 เซ็นต์ต่อปอนด์จากราว 26-27 เซ็นต์ต่อปอนด์ในปีนี้ เนื่องจากจะมีผลผลิตน้ำตาลรวม จากผู้ผลิตหลายรายของโลกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิดว่า จะมีผลผลิตน้ำตาลออกมาสู่ตลาดได้ ตามคาดการณ์ดังกล่าวหรือไม่ด้วย ขณะที่ความต้องการใช้น้ำตาลในตลาดโลก มองว่าจะยังคงมีการเติบโต แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยมองว่าแม้ความต้องการของตลาดโลกในช่วงที่ไม่ดีนัก การใช้น้ำตาลของโลกก็ยังคงเติบโตระดับ 1-2%
สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นราว 2 พันล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายคงค้างในการทำโรงงานที่จังหวัดเลยราว 1.5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าบำรุงรักษาประจำปี ขณะที่การลงทุนใหม่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงทุนสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ในจังหวัดสระแก้ว หรือจะเป็นการปรับปรุงโรงงานเดิม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกอย่างน้อย 50%
อีกทั้งบริษัทยังให้ความสนใจเข้าไปลงทุนโรงงานน้ำตาลในพม่าด้วย เพราะมองว่าพม่ามีศักยภาพที่ดีทั้งในส่วนของดินเพื่อการเกษตร และประชากร โดยจะเป็นลักษณะการเช่า หรือซื้อโรงงานเก่าแล้วมาปรับปรุง แต่คาดว่าคงใช้เวลาอีกนาน เพราะยังมีความกังวลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และกฎหมายต่างๆ ที่ยังมีความไม่ชัดเจน
ทั้งนี้การซื้อกิจการเครื่องดื่มนั้น เป็นการต่อยอดธุรกิจหลักคือธุรกิจการผลิต และจำหน่ายน้ำตาล และยังสร้างความแข็งแกร่ง รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดว่าจะสรุปกลางปีหน้า
สำหรับรูปแบบของการซื้อกิจการเครื่องดื่มนั้น อาจเป็นลักษณะการจ่ายเงินสดส่วนหนึ่ง และอีกส่วนจะให้ผู้ถือหุ้นในกิจการดังกล่าว เข้าถือหุ้นใน KSL เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัท และเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มชินธรรมมิตร์ อาจจะลดลง 10-20% จากปัจจุบันที่ถือหุ้นใน KSL สัดส่วนราว 65%
ส่วนยอดขายปี 2555/2556 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากราว 2.3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ หลังโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ในจังหวัดเลยแล้วเสร็จ และจะเริ่มผลิตในปลายเดือนธันวาคมนี้
ดังนั้นคาดว่าปีหน้าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านตันอ้อยซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตน้ำตาล 8 แสนตัน จาก 7.3 แสนตันในปีนี้ โดยปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นทำให้มีกากอ้อยผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น และมีกากน้ำตาลผลิตเอทานอลมากขึ้นในปีหน้า นอกจากนี้ตั้งเป้าผลิตและขายเอทานอลเต็มกำลังการผลิตที่ระดับ 100-105 ล้านลิตร และการผลิตและขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอล คิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของกำไรรวม ขณะที่ธุรกิจน้ำตาล ทำกำไรได้ราว 60% ของกำไรรวม นายชลัช กล่าวเพิ่มว่า ราคาน้ำตาลในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 25 เซ็นต์ต่อปอนด์จากราว 26-27 เซ็นต์ต่อปอนด์ในปีนี้ เนื่องจากจะมีผลผลิตน้ำตาลรวม จากผู้ผลิตหลายรายของโลกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิดว่า จะมีผลผลิตน้ำตาลออกมาสู่ตลาดได้ ตามคาดการณ์ดังกล่าวหรือไม่ด้วย ขณะที่ความต้องการใช้น้ำตาลในตลาดโลก มองว่าจะยังคงมีการเติบโต แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยมองว่าแม้ความต้องการของตลาดโลกในช่วงที่ไม่ดีนัก การใช้น้ำตาลของโลกก็ยังคงเติบโตระดับ 1-2%
สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นราว 2 พันล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายคงค้างในการทำโรงงานที่จังหวัดเลยราว 1.5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าบำรุงรักษาประจำปี ขณะที่การลงทุนใหม่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงทุนสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ในจังหวัดสระแก้ว หรือจะเป็นการปรับปรุงโรงงานเดิม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกอย่างน้อย 50%
อีกทั้งบริษัทยังให้ความสนใจเข้าไปลงทุนโรงงานน้ำตาลในพม่าด้วย เพราะมองว่าพม่ามีศักยภาพที่ดีทั้งในส่วนของดินเพื่อการเกษตร และประชากร โดยจะเป็นลักษณะการเช่า หรือซื้อโรงงานเก่าแล้วมาปรับปรุง แต่คาดว่าคงใช้เวลาอีกนาน เพราะยังมีความกังวลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และกฎหมายต่างๆ ที่ยังมีความไม่ชัดเจน
ที่มา : ทันหุ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น