วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หอการค้าใช้พื้นที่ 100 ไร่ ดันโครงการ" 1 ไร่ 1 แสน"


          โครงการนาร่องที่ขอนแก่น ประสบความสาเร็จอย่างมาก เกษตรกรมีรายได้ เกินกว่า 2 แสนบาท/ไร่  หอการค้าไทยจับมือ 3 หน่วยงาน ผลักดันโครงการ "1 ไร่ 1 แสน" เปิดพื้นที่ 100 ไร่ ดึงเกษตรกรต้นแบบ 85 คนร่วมฝึกอบรมเข้ม หวังลดความเหลื่อมล้ำและเป็นต้นแบบให้เกษตรในพื้นที่เพื่อเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน  นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการ ค้าไทย เปิดเผยภายหลังการลงนามใน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ "แก้จน แก้จริง ปฏิบัติการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท" วานนี้ (25 มิ.ย.) ว่า หอการค้าไทยได้ ร่วมกับ 3 หน่วยงาน คือ มหาวิทยาลัยหอ การค้าไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ผลักดันโครงการ "1 ไร่ 1 แสน" เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรของประเทศให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
          ทั้งนี้ จะใช้พื้นที่แปลงนาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นพื้นที่ต้นแบบในการ ดำเนินธุรกิจ (Business Model) ให้กับเกษตรกรได้นำไปใช้ในการพึ่งพาต้นเองในระยะยาว
          จากนั้น หอการค้าไทยจะคัดเ ลือก เกษตรกรจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศและให้มาเข้าร่วมโครงการ โดยจะใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจำนวน 100 ไร่ ให้เกษตรกรใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบ 85 คน คนละ 1 ไร่ และมีพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 10 ไร่ ซึ่งหอการค้าไทยจะเป็นที่ปรึกษาใน การถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร คัดสรรปัจจัยการผลิต วัตถุดิบ เพื่อให้เกษตรกรต้นแบบนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดต่อให้กับเกษตรกรในพื้นที่
          นอกจากนี้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม จะเป็นผู้พัฒนาและ ออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมกับโครงการ และร่วมคัดเลือกเกษตรกรที่เข้าร่วม โครงการ ส่วน ธ.ก.ส.จะทำหน้าที่บริหาร โครงการและจัดสรรงบประมาณ พร้อมทั้ง คัดเลือกเกษตรกรต้นแบบ ติดตามความ ก้าวหน้าและประเมินผล รวมถึงสนับสนุน ค่าใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตและ วัตถุดิบล่วงหน้าให้แก่เกษตรกรต้นแบบโดยไม่คิดดอกเบี้ย
          "โครงการ 1 ไร่ 1 แสน เป็นโครงการ ที่หอการค้าไทยผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย เป็นการกระจายรายได้ให้ทั่วถึงทั้งประเทศ และ มั่นใจว่าโครงการฝึกอบรมเกษตรกรเพื่อให้มีความรู้และนำไปไปเผยแพร่ต่อในครั้งนี้ จะช่วยให้การกระจายรายได้ และสร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกรเกิดขึ้นได้จริงๆ" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
          ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้มีการดำเนินโครงการนำร่องแห่งแรกที่บ้านหนองแต้ จ.ขอนแก่น ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เกษตรกรมีรายได้เกินกว่า 2 แสนบาทต่อไร และต่อมาได้ผลักดันการปลูกมันสำปะหลัง ที่บ้านมาบยางพร จ.ระยอง ก็ประสบความสำเร็จ และได้บรรจุโครงการดังกล่าวไว้ในแนวทางการทำงานของหอการค้าไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปี ที่มุ่งในประเด็นการลดความเหลื่อมล้ำ ชี้นำเศรษฐกิจ ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน สร้างสรรค์สังคมไทย และก้าวไกลสู่สากล
          ด้าน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า โครงการนี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายที่จะสร้างเกษตรกรต้นแบบ เพื่อกลับไปเป็นครูสอนให้กับผู้ที่สนใจใน พื้นที่ โดยเกษตรกรผู้เข้าฝึกอบรมจะต้อง ฝึกปฏิบัติจริงในพื้นที่ที่กำหนดเป็นระยะ เวลา 5 เดือนเรียนรู้กระบวนการผลิตใน ทุกขั้นตอน เช่น การจัดสรรพื้นที่แบ่งเป็น คันนา เพื่อใช้ปลูกพืชผักสมุนไพร พืชสวนครัว การขุดคูน้ำรอบแปลงนา เพื่อกักเก็บน้ำใช้รด ต้นไม้และเลี้ยงปลา การเลี้ยงเป็ดเพื่อเป็น รายได้เสริม มีการแปรรูปผลผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่นเมื่อได้ข้าวเปลือกจะแปรรูปเป็นข้าวสาร นำวัตถุดิบที่เป็นผลพลอยได้ คือ แกลบรำ ปลายข้าว ฟางข้าวมาสร้างประโยชน์เพิ่มเป็นรายได้ เป็นต้น
          นอกจากนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิต วิถีการผลิต ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดย เลิกอบายมุข 6 ได้แก่ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตรและเกียจคร้านการทำงาน พร้อมดำรงชีวิตโดยยึดหลักเกษตรอินทรีย์และเกษตรทฤษฎีใหม่ด้วย
          "ด่านพรมแดนแห่งใหม่นี้ จะเป็นด่านพรมแดนเพื่อการขนส่งสินค้า โดยจะแยกการขนส่งสินค้าออกมาจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 9 กม."
          ด้าน พ.ท.อภิราม รามนัฐ รอง ผบ.ฉก.กรม.ทพ. 12 กกล.บูรพา (รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) ในฐานะผู้ดูแลด้าน ความมั่นคง กล่าวว่า ได้ปรับพื้นที่บริเวณจุดที่จะก่อสร้างด่านพรมแดนถาวรแล้ว 12 ไร่ พร้อมทั้งเคลียร์ ระเบิดสมัยสงครามกัมพูชาจนหมดแล้ว
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น