'จิระ-ขอนแก่น' เปิดประตูเศรษฐกิจอีสาน พลิกโฉมการขนส่งโลจิสติกส์

           พลิกโฉมการขนส่งโลจิสติกส์พลิกโฉมการขนส่งโลจิสติกส์พลิกโฉมการขนส่งโลจิสติกส์ชงรัฐ
          การคมนาคมขนส่งทางราง ถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในประเทศ แต่ปัจจุบันระบบรางในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงมีสภาพเป็นรางเดี่ยว จึงไม่เพียงพอในการคมนาคมขนส่ง เพื่อเตรียมพร้อมระบบรางรองรับการขนส่งสินค้าและท่องเที่ยว การก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ถือว่าเป็นการเปิดประตูเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
          โครงการรถไฟรางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. มีจุดเริ่มต้นโครงการที่สถานีชุมทางถนนจิระ ต่อจากแนวเส้นทางรถไฟรางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีแนวเส้นทางครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 10 อำเภอ ได้แก่ จ.นครราชสีมา (อ.เมือง, โนนสูง, คง, บัวใหญ่, บัวลาย) และ จ.ขอนแก่น (อ.พล, โดนศิลา, บ้านไผ่, บ้านแฮด, เมือง) มีสถานีรถไฟ 19 สถานี ที่หยุดรถ ป้ายหยุดรถ 7 แห่ง รวมระยะทางประมาณ 187 กิโลเมตร
          นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สนข. เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการนี้ ว่า ปัจจุบันโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น อยู่ในช่วงของการดำเนินการออกแบบรายละเอียดพร้อมจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2557 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี และเปิดให้บริการในปี 2559 โดยมีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 25,000 ล้านบาท
          โครงการนี้ถือว่าเป็นการเชื่อมโยงการขนส่ง รองรับการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2558 จึงต้องมีการพัฒนาระบบการคมนาคมและขนส่งสินค้า ซึ่งต้องพัฒนาให้สามารถเดินทางและขนส่งได้รวดเร็ว ตรงเวลา ปลอดภัย และมีศักยภาพสูง
          อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมชนทางถนนจิระ-ขอนแก่นก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถลดระยะเวลาในการเดินทางระหว่าง จ.นครราช สีมา-ขอนแก่น จาก 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที จากเดิมใช้เวลา 6 ชั่วโมง จะลดลงเหลือเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าจาก 400,000 ตันต่อปี เป็น 4 ล้านตันต่อปี และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 10 ล้านคนต่อปี จึงเป็นการช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนต่อเศรษฐกิจ สามารถแข่งขันในเวทีเออีซีได้อย่างมั่นคง และยกระดับการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย
          สำหรับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและการประชาสัมพันธ์นั้น ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการพัฒนาโครงการ อย่างไรก็ตาม สนข. จึงได้จัดให้มีกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อ
          ประชาชนอย่างต่อเนื่องทั้งการสัมภาษณ์เชิงลึก การเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด ที่แนวเส้นทางพาดผ่าน การแทรกวาระการประชุมระดับอำเภอ และจังหวัด การสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ควบคู่กับการดำเนินการประชา สัมพันธ์ข้อมูลโครงการผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย เอกสารข้อเท็จจริง แผ่นพับ โบรชัวร์ บอร์ดนิทรรศการ วีดิทัศน์ เว็บไซต์ และหน่วยประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ตลอดระยะเวลาในการดำเนินโครงการ สนข. ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในทุกกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นอย่างดี ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน มีความสนใจ และแสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์อย่างมากต่อโครงการ ทำให้ สนข. สามารถนำข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นดังกล่าวมาประกอบในการศึกษาความเหมาะสมในแต่ละขั้นตอน จนนำไปสู่การพัฒนาโครงการระบบรถไฟทางคู่ที่มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด
          นอกเหนือจากการพัฒนาเส้นทางในระยะเร่งด่วนแล้ว กระทรวงคมนาคมยังมีแผนที่จะเติมเต็มโครงข่ายสายทางคู่ในภาคอีสาน ที่ต่อเนื่องจากจ.ขอนแก่น สู่ อุดรธานี และหนองคาย เพื่อเปิดประตูสู่ประเทศลาวและจีนตอนใต้ ส่วนสายชุมทางถนนจิระ ก็จะสามารถเชื่อมต่ออ่านต่อหน้า...B2 ได้ 2 เส้นทาง ไปยัง จ.อุบลราชธานี จนถึงช่องแม็ก และไปยัง อ.แก่งคอย จ.ฉะเชิงเทรา อ.ศรีราชา ไปจนถึงท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งส่งผลให้เส้นทางนี้เป็นเกตเวย์สำคัญในการรองรับการขนส่งสินค้าในภูมิภาคอาเซียน และยังมีการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใหม่จากสถานีบ้านไผ่ ผ่านจ.ร้อยเอ็ด มุกดาหาร และนครพนม เพื่อเสริมศักยภาพการคมนาคมในระบบรางของภาคอีสานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
          นอกจากนี้ ยังมีเป้าประสงค์ที่จะพัฒนาการคมนาคมขนส่งแบบบูรณาการ เพื่อให้เชื่อมโยงกันได้อย่างเป็นระบบทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ขณะเดียวกัน ก็คำนึงถึงการเชื่อมต่อและขยายโครงข่ายสู่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ลาว กัมพูชา จีน พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยก้าวเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ระดับโลก

ทีมา : ทรานสปอร์ต เจอร์นัล