ส.ส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง
จับมือจตุจักร กรีน ดันไทยเป็นศูนย์ร้านค้าปลีก-ส่ง รับการเปิดเออีซี
หวังกินเม็ดเงินหมุนเวียน 5.5 หมื่นล้านบาท ดึงความร่วมมือนักธุรกิจไทย-จีนนำเข้า-ส่งออก
ปลายปีนี้ไทยประเดิมส่งออกจิวเวลรี ไลฟ์สไตล์ อาหาร สิ้นปีมูลค่าการค้ารวม 5,000
ล้านบาท นายภูสิต เพ็ญศิริ รองประธานศูนย์อาเซียน
สมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ
ได้วางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางร้านค้าปลีกและส่งเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี
2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้านี้ โดยอาศัยการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศไทย-จีน
ซึ่งพบว่าในอนาคตเมืองกวางเจา เสิ่นเจิ้น จะกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจเกิดใหม่
ขณะที่การร่วมมือดังกล่าวยังทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดส่งออกไปในกวางตุ้ง
ฮ่องกง มาเก๊า ซึ่งมีประชากรร่วม 120 ล้านคน
หรือมีเม็ดเงินหมุนเวียน 1.2 หมื่นล้านบาท
โดยกลุ่มธุรกิจจิวเวลรี ไลฟ์สไตล์ และอาหาร คาดว่าจะเข้าไปเปิดตลาดปลายปีนี้ ปีแรกตั้งเป้าส่งออกไปกว่า 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันนักธุรกิจจีนรุ่นใหม่อายุ 40-50 ปีขึ้นไปก็สนใจจะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในไทยเช่นเดียวกัน ล่าสุดได้จับมือร่วมกับจตุจักร กรีน ผุดร้านต้นแบบ 11 ห้องภายในโครงการ และจัดตั้งสำนักงานขึ้นเพื่อจัดอบรมสัมมนา เวิร์กชอป ติดต่อกันระหว่างนักธุรกิจไทยกับจีน และมองว่าอนาคตจะนำโมเดลลักษณะดังกล่าวขยายไปสู่ประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มั่นใจว่า 5 ปีมีเม็ดเงินหมุนเวียนตลาดอาเซียน 5.5 หมื่นล้านบาท นายศักดา อู่ดาราศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ผู้บริหารโครงการจตุจักร กรีน เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือร่วมกับสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการร่วมกันพัฒนาพื้นที่ภายในโครงการจตุจักร กรีนให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของตลาดค้าส่ง-ค้าปลีก ระหว่างไทย-จีน เพื่อรองรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เนื่องจากการร่วมมือกันดังกล่าวจะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้าระหว่างกัน คาดว่าปีแรกจะมีผู้ร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 40-50 ราย และมีมูลค่าการค้ารวมในปีนี้ 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 2,000 ล้านบาท “เราเชื่อว่ามีความพร้อม 100% ที่จะเป็นศูนย์กลางร้านค้าปลีก-ส่ง เนื่องจากไทยมีพื้นที่เชื่อมโยงต่อตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อย่างพื้นที่จตุจักรมีอัตราของจำนวนคนไม่น้อยกว่า 8 หมื่น-1 แสนคนในวันเสาร์-อาทิตย์”
สำหรับความคืบหน้าของโครงการจตุจักร กรีน ล่าสุดได้ขายพื้นที่เช่า 90% หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ บริษัทมีแผนที่จะนำ 5 กิจกรรมใหญ่มาจัดภายในโครงการในช่วงครึ่งปี เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีพื้นที่ 2 ไร่จัดงานแฟร์ต่างๆ คาดว่าจะสร้างแบรนด์โครงการจตุจักร กรีนให้ลูกค้ารู้จักและสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี บริษัทได้ทุ่มงบ 120 ล้านบาทซื้อที่ดิน 8 ไร่ใกล้โรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต เพื่อทำโครงการคอมมูนิตีมอลล์ ขณะนี้ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ ภายใต้งบลงทุน 100 ล้านบาทในรูปแบบของโครงการแนวราบ ซึ่งงบการลงทุนส่วนหนึ่งมาจากการร่วมทุนกับกลุ่มทุนสแกนดิเนเวีย และอีกส่วนหนึ่งมาจากการกู้สถาบันการเงิน สำหรับการเปิดโครงการคอมมูนิตีมอลล์ที่ จ.ภูเก็ต เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กลุ่มสแกนดิเนเวีย และรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวเข้ามาท่องเที่ยวใน จ. ภูเก็ตราว 2-3 แสนคน เนื่องจากมีสายการบินโลว์คอสต์ ขณะที่ประชากรที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตมีราว 3 แสนคน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปทำธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์ และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากมีการเปิดเออีซี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะทำโครงการโคเรียนทาวน์ หรือหมู่บ้านเกาหลี ทาวน์ เพราะว่าเกาหลีเป็นประเทศที่มีคอนเทนต์นำมาพัฒนาเป็นธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือตัวศิลปิน ซึ่งคนไทยมีความชื่นชอบเป็นอย่างมาก บริษัทจึงสนใจที่จะทำโครงการดังกล่าวเพื่อต่อยอดธุรกิจ โดยอยู่ระหว่างการหาทำเลที่มีความเหมาะสม
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
โดยกลุ่มธุรกิจจิวเวลรี ไลฟ์สไตล์ และอาหาร คาดว่าจะเข้าไปเปิดตลาดปลายปีนี้ ปีแรกตั้งเป้าส่งออกไปกว่า 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันนักธุรกิจจีนรุ่นใหม่อายุ 40-50 ปีขึ้นไปก็สนใจจะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในไทยเช่นเดียวกัน ล่าสุดได้จับมือร่วมกับจตุจักร กรีน ผุดร้านต้นแบบ 11 ห้องภายในโครงการ และจัดตั้งสำนักงานขึ้นเพื่อจัดอบรมสัมมนา เวิร์กชอป ติดต่อกันระหว่างนักธุรกิจไทยกับจีน และมองว่าอนาคตจะนำโมเดลลักษณะดังกล่าวขยายไปสู่ประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มั่นใจว่า 5 ปีมีเม็ดเงินหมุนเวียนตลาดอาเซียน 5.5 หมื่นล้านบาท นายศักดา อู่ดาราศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ผู้บริหารโครงการจตุจักร กรีน เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือร่วมกับสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการร่วมกันพัฒนาพื้นที่ภายในโครงการจตุจักร กรีนให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของตลาดค้าส่ง-ค้าปลีก ระหว่างไทย-จีน เพื่อรองรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เนื่องจากการร่วมมือกันดังกล่าวจะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้าระหว่างกัน คาดว่าปีแรกจะมีผู้ร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 40-50 ราย และมีมูลค่าการค้ารวมในปีนี้ 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 2,000 ล้านบาท “เราเชื่อว่ามีความพร้อม 100% ที่จะเป็นศูนย์กลางร้านค้าปลีก-ส่ง เนื่องจากไทยมีพื้นที่เชื่อมโยงต่อตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อย่างพื้นที่จตุจักรมีอัตราของจำนวนคนไม่น้อยกว่า 8 หมื่น-1 แสนคนในวันเสาร์-อาทิตย์”
สำหรับความคืบหน้าของโครงการจตุจักร กรีน ล่าสุดได้ขายพื้นที่เช่า 90% หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ บริษัทมีแผนที่จะนำ 5 กิจกรรมใหญ่มาจัดภายในโครงการในช่วงครึ่งปี เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีพื้นที่ 2 ไร่จัดงานแฟร์ต่างๆ คาดว่าจะสร้างแบรนด์โครงการจตุจักร กรีนให้ลูกค้ารู้จักและสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี บริษัทได้ทุ่มงบ 120 ล้านบาทซื้อที่ดิน 8 ไร่ใกล้โรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต เพื่อทำโครงการคอมมูนิตีมอลล์ ขณะนี้ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ ภายใต้งบลงทุน 100 ล้านบาทในรูปแบบของโครงการแนวราบ ซึ่งงบการลงทุนส่วนหนึ่งมาจากการร่วมทุนกับกลุ่มทุนสแกนดิเนเวีย และอีกส่วนหนึ่งมาจากการกู้สถาบันการเงิน สำหรับการเปิดโครงการคอมมูนิตีมอลล์ที่ จ.ภูเก็ต เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กลุ่มสแกนดิเนเวีย และรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวเข้ามาท่องเที่ยวใน จ. ภูเก็ตราว 2-3 แสนคน เนื่องจากมีสายการบินโลว์คอสต์ ขณะที่ประชากรที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตมีราว 3 แสนคน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปทำธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์ และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากมีการเปิดเออีซี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะทำโครงการโคเรียนทาวน์ หรือหมู่บ้านเกาหลี ทาวน์ เพราะว่าเกาหลีเป็นประเทศที่มีคอนเทนต์นำมาพัฒนาเป็นธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือตัวศิลปิน ซึ่งคนไทยมีความชื่นชอบเป็นอย่างมาก บริษัทจึงสนใจที่จะทำโครงการดังกล่าวเพื่อต่อยอดธุรกิจ โดยอยู่ระหว่างการหาทำเลที่มีความเหมาะสม
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น