กนอ.เผยยอดขายและเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2555 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1,113 ไร่ ชี้นักลงทุนไม่หวั่นวิกฤตอุทกภัย มั่นใจไทยยังเป็นฐานการผลิตที่มีศักยภาพ พร้อมรับมือเออีซีในปี 2558 เตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมรองรับเพียบ ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี บนพื้นที่ 500 ไร่ จะพัฒนาด้านโลจิสติกส์ การขนส่ง เพื่อเชื่อมโยงทวายในพม่า
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ กนอ.ในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2555 (ตุลาคม 2554-มิถุนายน 2555) มียอดขายและเช่าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมทั้งที่ กนอ. ดำเนินการเอง และนิคมฯ ร่วมดำเนินงาน รวม 3,342 ไร่ แบ่งเป็นนิคมฯ ร่วมดำเนินงาน 3,305 ไร่ และนิคมฯ กนอ.ดำเนินการ 37 ไร่ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2554 ในช่วงเดียวกันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 1,113 ไร่
“กรณีดังกล่าวจะเห็นว่ายอดขายพื้นที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนในด้านแผนการป้องกันภาวะน้ำท่วมของรัฐบาล รวมถึงการเป็นฐานการผลิตของไทยที่มีศักยภาพทั้งในเรื่องระบบสาธารณูปโภค การเชื่อมโยงธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ ที่จะทำให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งที่จะรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558”
นายวีรพงศ์ กล่าวอีกว่า กนอ.ยังมีแผนในการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตที่จะเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน ได้แก่ โครงการจัดตั้งนิคมฯ ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่ง กนอ.ได้รับงบประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ และสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม เป็นจำนวนพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ โดยรูปแบบการพัฒนาจะเป็นนิคมฯ บริการด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านแดน เชื่อมโยงกับโครงการท่าเรือน้ำลึก สำหรับนิคมฯทวาย ประเทศพม่า โครงการจัดตั้งนิคมฯ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม โดยจะพัฒนาในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมบริการด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านแดน และเชื่อมโยงกับโครงการท่าเรือน้ำลึก และนิคมฯทวาย
ทั้งนี้ พื้นที่เบื้องต้นที่จะพัฒนาเป็นนิคมฯประมาณ 500 ไร่ โดย กนอ. ได้รับจัดสรรงบประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อดำเนินการส่งเสริม และเชิญชวนนักลงทุนเพื่อให้เกิดการดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม โดย กนอ. ได้ลงนามในสัญญาจ้าง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาโครงการ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการเชิญชวนและหาพันธมิตรทางธุรกิจ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนกันยายนนี้ นิคมฯ ดังกล่าวจะรองรับการเชื่อมโยงทางด้านคมนาคมขนส่งเส้นทางสาย R3A (ไทย-ลาว-จีนตอนใต้) ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว และเส้นทางสะพานข้ามแม่น้ำโขง (เชียงของ-ห้วยทราย) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2556 พื้นที่การพัฒนาเป็นนิคมฯ 200 ไร่ ซึ่งรูปแบบการลงทุนอาจเป็นแบบนิคมฯร่วมพัฒนา นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2556 กนอ.ยังมีโครงการศึกษาความเหมาะสมในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ โครงการศึกษาความเหมาะสมจัดตั้งนิคมฯ ในจังหวัดขอนแก่น นิคมฯ จังหวัดอุดรธานี นิคมฯ ในจังหวัดนครพนม นิคมฯในจังหวัดนครราชสีมา นิคมฯสื่อบันเทิง
นายวีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการสร้างเขื่อนคันกั้นน้ำถาวรในพื้นที่เสี่ยง 6 นิคมฯ คือ นิคมฯ ลาดกระบัง นิคมฯ บางชัน นิคมฯ บางปู นิคมฯ บางพลี นิคมฯ สมุทรสาคร และนิคมฯ พิจิตร ซึ่งจะใช้วงเงินลงทุน 3,546 ล้านบาท เพื่อนำมาก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรโดยจะเริ่มก่อสร้างภายในกรกฎาคมนี้ ส่วนความคืบหน้าการทำเขื่อนกั้นน้ำถาวรในนิคมฯ/เขต/สวน อุตสาหกรรมที่ประสบภาวะน้ำท่วมในปี 2554 จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย บางปะอิน บ้านหว้า (ไฮเทค) บางกะดี โรจนะ นวนคร ขณะนี้การดำเนินงานก้าวหน้า ประมาณ 80%
“ในส่วนของนิคมฯ สหรัตนนคร ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ 3,236 ล้านบาท (รวมความยาวรอบพื้นที่ 143 กิโลเมตร) เพื่อนำมาก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม โดยกระทรวงอุตสาหกรรม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโครงการปรับปรุงระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยฯ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสมของการก่อสร้างเขื่อนฯ ของแต่ละแห่ง ประกอบการพิจารณาอนุมัติการเบิกจ่าย โดยมีผู้ว่าการ กนอ.เป็นประธาน และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงานฯ ในชุดนี้ด้วย เชื่อว่าการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมจะแล้วเสร็จทันเดือนสิงหาคมนี้ ยกเว้นนิคมฯ สหรัตนนครที่คาดว่าจะแล้วเสร็จล่าช้ากว่านิคมฯอื่น อย่างไรก็ดี กนอ.ได้เตรียมความพร้อมแผนสำรองกรณีฉุกเฉินไว้แล้ว" นายวีรพงศ์ กล่าวในที่สุด
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ กนอ.ในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2555 (ตุลาคม 2554-มิถุนายน 2555) มียอดขายและเช่าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมทั้งที่ กนอ. ดำเนินการเอง และนิคมฯ ร่วมดำเนินงาน รวม 3,342 ไร่ แบ่งเป็นนิคมฯ ร่วมดำเนินงาน 3,305 ไร่ และนิคมฯ กนอ.ดำเนินการ 37 ไร่ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2554 ในช่วงเดียวกันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 1,113 ไร่
“กรณีดังกล่าวจะเห็นว่ายอดขายพื้นที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนในด้านแผนการป้องกันภาวะน้ำท่วมของรัฐบาล รวมถึงการเป็นฐานการผลิตของไทยที่มีศักยภาพทั้งในเรื่องระบบสาธารณูปโภค การเชื่อมโยงธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ ที่จะทำให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งที่จะรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558”
นายวีรพงศ์ กล่าวอีกว่า กนอ.ยังมีแผนในการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตที่จะเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน ได้แก่ โครงการจัดตั้งนิคมฯ ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่ง กนอ.ได้รับงบประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ และสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม เป็นจำนวนพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ โดยรูปแบบการพัฒนาจะเป็นนิคมฯ บริการด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านแดน เชื่อมโยงกับโครงการท่าเรือน้ำลึก สำหรับนิคมฯทวาย ประเทศพม่า โครงการจัดตั้งนิคมฯ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม โดยจะพัฒนาในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมบริการด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้าผ่านแดน และเชื่อมโยงกับโครงการท่าเรือน้ำลึก และนิคมฯทวาย
ทั้งนี้ พื้นที่เบื้องต้นที่จะพัฒนาเป็นนิคมฯประมาณ 500 ไร่ โดย กนอ. ได้รับจัดสรรงบประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อดำเนินการส่งเสริม และเชิญชวนนักลงทุนเพื่อให้เกิดการดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม โดย กนอ. ได้ลงนามในสัญญาจ้าง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาโครงการ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการเชิญชวนและหาพันธมิตรทางธุรกิจ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนกันยายนนี้ นิคมฯ ดังกล่าวจะรองรับการเชื่อมโยงทางด้านคมนาคมขนส่งเส้นทางสาย R3A (ไทย-ลาว-จีนตอนใต้) ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว และเส้นทางสะพานข้ามแม่น้ำโขง (เชียงของ-ห้วยทราย) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2556 พื้นที่การพัฒนาเป็นนิคมฯ 200 ไร่ ซึ่งรูปแบบการลงทุนอาจเป็นแบบนิคมฯร่วมพัฒนา นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2556 กนอ.ยังมีโครงการศึกษาความเหมาะสมในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ โครงการศึกษาความเหมาะสมจัดตั้งนิคมฯ ในจังหวัดขอนแก่น นิคมฯ จังหวัดอุดรธานี นิคมฯ ในจังหวัดนครพนม นิคมฯในจังหวัดนครราชสีมา นิคมฯสื่อบันเทิง
นายวีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการสร้างเขื่อนคันกั้นน้ำถาวรในพื้นที่เสี่ยง 6 นิคมฯ คือ นิคมฯ ลาดกระบัง นิคมฯ บางชัน นิคมฯ บางปู นิคมฯ บางพลี นิคมฯ สมุทรสาคร และนิคมฯ พิจิตร ซึ่งจะใช้วงเงินลงทุน 3,546 ล้านบาท เพื่อนำมาก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรโดยจะเริ่มก่อสร้างภายในกรกฎาคมนี้ ส่วนความคืบหน้าการทำเขื่อนกั้นน้ำถาวรในนิคมฯ/เขต/สวน อุตสาหกรรมที่ประสบภาวะน้ำท่วมในปี 2554 จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย บางปะอิน บ้านหว้า (ไฮเทค) บางกะดี โรจนะ นวนคร ขณะนี้การดำเนินงานก้าวหน้า ประมาณ 80%
“ในส่วนของนิคมฯ สหรัตนนคร ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ 3,236 ล้านบาท (รวมความยาวรอบพื้นที่ 143 กิโลเมตร) เพื่อนำมาก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม โดยกระทรวงอุตสาหกรรม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโครงการปรับปรุงระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยฯ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสมของการก่อสร้างเขื่อนฯ ของแต่ละแห่ง ประกอบการพิจารณาอนุมัติการเบิกจ่าย โดยมีผู้ว่าการ กนอ.เป็นประธาน และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงานฯ ในชุดนี้ด้วย เชื่อว่าการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมจะแล้วเสร็จทันเดือนสิงหาคมนี้ ยกเว้นนิคมฯ สหรัตนนครที่คาดว่าจะแล้วเสร็จล่าช้ากว่านิคมฯอื่น อย่างไรก็ดี กนอ.ได้เตรียมความพร้อมแผนสำรองกรณีฉุกเฉินไว้แล้ว" นายวีรพงศ์ กล่าวในที่สุด
ที่มา : ดอกเบี้ยธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น