วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เซเว่น-โลตัสแห่ยึดพื้นที่อีสานขยายสาขา


ห้างค้าปลีกในพื้นที่ภาคอีสานแข่งดุ ทั้งเซเว่น - โลตัสเบียดกันขยายสาขา ชี้แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เหตุนโยบายรัฐเอื้อทุนต่างชาติ เอกชนท้องถิ่นแนะกระจายสู่ชายแดนรองรับอาเซียน
          นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ภาวะค้าปลีก ในภาคอีสานถ้ามองในภาพของค้าปลีกรายใหญ่เติบโตมาก ขณะที่ท้องถิ่นและรายย่อยหดตัวและหายไปจากระบบในอัตราที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ เซเว่นและโลตัสเอ็กซ์เพรส แทบจะเรียกได้ว่าแข่งขันกันแค่ 2 เจ้า สร้างเบียดกันแทบทุกพื้นที่ ไปที่ไหนร้านค้าย่อยตายเป็นแถบๆ
          การเข้ายึดกำลังซื้อย่อยของคนอีสานหรือแม้แต่คนไทยทั้งหมดตอนนี้เป็นความเคยชินไปแล้วสำหรับเซเว่น-อีเลฟเว่นและโลตัสเอ็กซ์เพรส ที่มีโปรโมชั่นเบียดกันทุกอย่างแม้แต่จ่ายค่าน้ำค่าไฟที่หั่นราคาสู้กันร้านค้าปลีกย่อยที่ยังพอมีบ้างก็ต้องอาศัยร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร ทำให้ยักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้าครองตลาดค้าปลีกในประเทศอย่างแท้จริงลงโฆษณาครองหน้าสื่อของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกแค่ของโลตัสบิ๊กซีก็กินพื้นที่ไปหลายหน้าแล้วในแต่ละวันเรียกได้ว่าสองเจ้านี้เข้าไปอยู่แทบทุกวงการแล้ว
          นายทวิสันต์ กล่าวว่า นโยบายเอื้อต่างชาติของรัฐบาลเป็นอันตรายต่อผู้ประกอบการคนไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการท้องถิ่น จะเห็นว่าขณะนี้ มีห้างค้าปลีกทุกแบรนด์ไปลงที่จังหวัดมุกดาหาร ทั้งที่มีกำลังซื้อแค่ 3 แสนคน  เนื่องจากเห็นว่ามุกดาหารจะสามารถรองรับลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนโยบายของภาครัฐ ไม่สร้างโอกาสให้คนไทยเป็นเจ้าของ แต่ส่งเสริมให้เป็นลูกจ้าง
          "ตอนนี้ผมกำลังเตรียมผลักดัน เรื่องการ จัดตั้งสหกรณ์ผู้ค้าปลีก เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและสร้างความเข้มแข็งสู้กับค้าปลีกยักษ์ใหญ่และให้ค้าปลีกย่อยท้องถิ่นสามารถดำรงอยู่ได้"
          นายนริศ จรรยานิทัศน์  เลขาธิการชมรม ผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบการอาชีพอิสระ จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า  ภาวะค้าปลีกในพื้นที่ขอนแก่นส่วนใหญ่อยู่ที่ที่ห้างค้าปลีกรายใหญ่เกือบ 100% แล้ว อย่างไรก็ตาม  ปัจจุบันกำลังซื้อโดยรวมค่อนข้างทรงตัว โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง อาจเป็น เพราะคนซื้อระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะการเมืองไม่นิ่ง ขณะที่แนวโน้มการแข่งขันสูงจะเห็นว่ามีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ ทั้งบิ๊กซี โลตัส เช่น เส้นทางไปชุมแพ  น้ำพอง
          "ผู้ประกอบการท้องถิ่นแย่ไปตามๆ กัน ในขอนแก่นค้าปลีกที่ยังมีลมหายใจอยู่ไม่กี่ราย เช่น สหสินและอาร์เอส เพราะมีการปรับตัว เรื่องนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพยายามดึงให้ผู้ประกอบการทั้งปลีกย่อยปลีก รวมตัวกัน ส่วนร้านค้าย่อยในเมืองขอนแก่นตอนนี้แทบหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ตัวเลขจีดีพีของเมืองของขอนแก่นดูเหมือนดี แต่กระจุกอยู่ที่กลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม แค่ตัวเลขดี ถ้าวันไหนยักษ์ใหญ่ค้าปลีกไม่กี่รายจับมือกัน ประชาชนก็ตายแล้ว"
          นายนริศ ยังแสดงความเห็นด้วยกับการจัดตั้งสหกรณ์ค้าปลีก ซึ่งเป็นองค์กรที่เห็นว่าน่าจะเข้มแข็งและถูกต้องที่สุด หากว่ามีการผลักดันขึ้นมาตนก็เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการเป็นแนวร่วมไม่น้อย และจะสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ค้าปลีกท้องถิ่นได้อยู่รอดและสู้กับยักษ์ใหญ่ได้เช่นเดียวกับห้างค้าปลีกของต่างประเทศเช่นที่เกาหลีก็ประสบความสำเร็จจากระบบสหกรณ์เช่นกัน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น